DSI พบเส้นเงินคดีทุจริตหุ้น STARK ย้อนกลับเข้าบริษัท ผนึก ปปง. คุ้มครองผู้เสียหาย

DSI พบเส้นเงินคดีทุจริตหุ้น STARK  ย้อนกลับเข้าบริษัท ผนึก ปปง. คุ้มครองผู้เสียหาย

DSI แถลงความคืบหน้าในการดำเนินการในคดีพิเศษ กรณีทุจริตหุ้น STARK พบเส้นเงินย้อนกลับเข้าบริษัท จำนวน 10,000 ล้านบาท โอนเข้ากลุ่มบริษัทของผู้ต้องหาเพื่อไปชำระหนี้เจ้าหนี้การค้า รวมทั้งยักย้ายถ่ายเทเข้าบัญชีส่วนตัวอีกส่วนหนึ่ง พร้อมแถลงความคีบหน้าคดีหุ้น MORE

วันนี้ (วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม 2566) พันตำรวจตรี ยุทธนา  แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจตรี วรณัน  ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ พันตำรวจตรี ณฐพล  ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม พลตำรวจตรี พุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) และนายวิทยา นีติธรรม โฆษกประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้ร่วมกันแถลงความคืบหน้าในการดำเนินการในคดีพิเศษ 

กรณี การทุจริตในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รับเป็นคดีพิเศษเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2566 มีผู้เสียหายทั้งสิ้นจำนวน 4,704 ราย มูลค่าความเสียหายจำนวน 14,778,000,000 ล้านบาท (คดีพิเศษที่ 57/2566)

​      DSI พบเส้นเงินคดีทุจริตหุ้น STARK  ย้อนกลับเข้าบริษัท ผนึก ปปง. คุ้มครองผู้เสียหาย       

คดีนี้มีผลกระทบต่อตลาดทุนเป็นอย่างมาก กรมสอบสวนคดีพิเศษโดยกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน เริ่มทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษ เมื่อ 20 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา โดยมีพันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำรักษาราชการในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนเอง 

บัดนี้ ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ทางคดีมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา รวม 11 คน ในความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา และฐานฟอกเงินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ในวันนี้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษไปยังพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษแล้ว โดยอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาจำนวน 11 ราย ในความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ฐานตกแต่งบัญชีและงบการเงิน และฐานฉ้อโกงประชาชน รวมถึงความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยมีเอกสารพยานหลักฐานทั้งสิ้นจำนวน 22 ลัง 140 แฟ้ม 52,968 แผ่น 

นอกจากการดำเนินคดีอาญาดังกล่าว คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษยังพบว่ามีการนำเงินจำนวน 10,000 ล้านบาท โอนเข้ากลุ่มบริษัทของผู้ต้องหาเพื่อไปชำระหนี้เจ้าหนี้การค้า รวมทั้งยักย้ายถ่ายเทเข้าบัญชีส่วนตัวอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งได้ส่งข้อมูลให้ สำนักงาน ปปง. พิจารณาดำเนินการติดตามยึดทรัพย์สินดังกล่าว

เพื่อดำเนินการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 49 วรรคท้าย ต่อไป  

พร้อมแถลงความคืบหน้าคดีหุ้น MORE

กรณีหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) ในระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 - 10 พฤศจิกายน 2565 (ช่วง pre - open) มีกลุ่มบุคคลรวม 32 ราย ร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE อย่างต่อเนื่อง ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 800,000,000 บาท(คดีพิเศษที่ 66/2566)

คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและพนักงานสอบสวนกองบัญชาการสอบสวนกลางที่ได้มาปฏิบัติหน้าที่ในกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อช่วยเหลือในการสืบสวนและสอบสวนคดีพิเศษ ตามมาตรา 33 แห่ง พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 โดยได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหา จำนวน 29 ราย และแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาแล้วจำนวน 10 ราย และอยู่ระหว่างเร่งรัดตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อนำมาตรการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาดำเนินการต่อไป