‘บล.ลิเบอเรเตอร์’ เปิด‘หุ้นเด่น‘ เก็บเข้าพอร์ต รอรับปีมังกรทอง

‘บล.ลิเบอเรเตอร์’ เปิด‘หุ้นเด่น‘ เก็บเข้าพอร์ต รอรับปีมังกรทอง

บล.ลิเบอเรเตอร์ ชี้หุ้นไทยปี67 มีลุ้นโมเมนตัมฟื้น รับแรงหนุน “ศก.ไทยไปต่อ -กำไรบจ.สดใสโต 13% -พีอีต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาดรอบ10ปี“ พร้อมความหวังมาตรการรัฐเรียกเชื่อมั่นกลับมา ดันดัชนีปีหน้าขึ้น แตะ1,628จุดแนะเฟ้นหุ้นเด่น ราคาโซนล่าง เริ่มมีแสงสว่างปีหน้า

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์  กล่าวถึงแนวทางการลงทุนปีมังกรทอง ในงาน LIB Talks Finale 2023 ว่า  สำหรับภาพการลงทุนหุ้นไทยในปี2567 คาดหวังเป็น “ปีมังกรทอง แจกเงินแจกทอง”   ด้วยโมเมนตัมการลงทุนในเดือนพ.ย.เริ่มฟื้นกลับมาบ้าง จากไตรมาส 3 ปีที่ผ่านมานี้  จะเห็นว่าทางหน่วยกำกับดูแลพยายามออกมาตรการต่างๆ เข้ามาฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน แม้อาจยังไม่ถูกใจนักลงทุนบ้าง แต่ภาพรวมตลาดหุ้นไทยเริ่มมีสัญญาแล้ว 50%  

“แน่นอนว่า จากสถิติย้อนหลัง20ปี  ในปีที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรง จะพบว่า ปีถัดไปปรับตัวขึ้นแรง ซึ่งในปีนี้ตลาดหุ้นไทยคงติดลบ ปัจจุบันติดลบ 17% จึงมีโอกาสลุ้นปรับตัวขึ้นในปีหน้าและ เมื่อฟื้นความเชื่อมั่นกลับมาได้ โมเมนตัมการลงทุนจะกลับมาเอง”

‘บล.ลิเบอเรเตอร์’ เปิด‘หุ้นเด่น‘ เก็บเข้าพอร์ต รอรับปีมังกรทอง

ขณะเดียวกันหลายฟันเฟืองของเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ทั้งการลงทุน การส่งออก ยังเป็นบวกในปีหน้าได้ และท่องเที่ยวในปีหน้ามีโอกาสทะลุ30ล้านคนและปีถัดไปแตะ 40 ล้านคนเท่าระดับปกติ หนุนจีดีพีไทยปีหน้า คาดเติบโต ระดับ 3% จากปีนี้เติบโต2.8%  

ประกอบกับในปีหน้าตลาดคาดจีดีพีประเทศกำลังพัฒนา เติบโต 4% ความเป็นจุดดึงดูดความน่าสนใจในการลงทุนมากกว่า เมื่อเทียบประเทศพัฒนาแล้ว คาดจีดีพีเติบโต 1.1% และมีความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอย

ดังนั้นปัจจัยดังกล่าว จะยังช่วยสนับสนุนกำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ในปีหน้า มีโอกาสการเติบโตระดับ 10% ขึ้นไป โดยเราคาดการณ์กำไร บจ. เติบโต 13% ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้นไปแตะระดับ 1,628จุด 

ขณะที่ภาวะการซื้อขายหุ้นไทยตอนนี้อยู่ที่ระดับดัชนี  1,400  จุด และ พี/อี 17 เท่า ทำให้ราคาหุ้นไทยตอนนี้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10ปีย้อนหลัง ถือว่า ตอนนี้ราคาหุ้นไทย เป็นจุดลงทุนน่าสนใจมาก 

แม้ว่าโครงสร้างของตลาดหุ้นไทย  ไม่เซ็กซี่มากและภาพรวมตลาดหุ้นไทยปีหน้า ไม่ได้คาดหวังกระแสเงินลงทุนต่างชาติ(ฟันด์โฟลว์) เข้ามามากนัก จากปีนี้นักลงทุนต่างชาติเทขายหนักมากถึง  5พันกว่าล้านดอลลาร์  แต่มองว่าก็เป็นโอกาสที่จะกลับมาในปีหน้าได้เช่นกัน โดยยังต้องลุ้นดอกเบี้ยสหรัฐระดับสูงสุดและลดดอกเบี้ยในปีหน้า เรามองเฟดน่าจะลดดอกเบี้ยสหรัฐลงในช่วงไตรมาส2ปีหน้า 

“เราคาดว่า ตอนนี้ดอกเบี้ยสหรัฐ เริ่มเข้าใกล้สู่จุดสูงสุดแล้ว ที่ระดับ 5.5% ก็จะทรงตัวระดับนี้ ซึ่งในจังหวะดอกเบี้ยสหรัฐถึงจุดสูงสุด โมเมนตัมบอนด์ยีลด์สหรัฐจะเริ่มปรับฐานลง  มองไตรมาส1ปีหน้า ยังดี แต่ช่วงไตรมาส2 ปีหน้า หากเฟดลดดอกเบี้ยสหรัฐลง เป็นสัญญาเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ เป็นจุดที่นักลงทุนต้องระวัง และจับตาอีกครั้ง"

ทางด้านกลยุทธ์การลงทุนหุ้นในปีหน้า นายวิจิตร กล่าวว่า ควรเน้นเลือกหุ้นที่มีราคาหุ้นอยู่ในโซนล่าง ราคายังไม่ปรับขึ้นมาก หรือหุ้นที่มีสัดส่วนการถือครองน้อย ( Underown )  และเริ่มมีสัญญาณการเติบโตในปีหน้ามากขึ้น หรือมีการแก้ไขปัญหารอจังหวะความเชื่อมั่นฟื้นกลับมา รวมถึงแนวโน้มกำไรมีทิศทางฟื้นตัวได้ 

แนะนำหุ้นที่น่าสนใจในปีหน้า ดังนี้

สำหรับกลุ่มหุ้นใหญ่ ได้แก่  กลุ่มค้าปลีก (CPALL), กลุ่มไฟแนนซ์ (SAWAD, MTC), กลุ่มพลังงาน (GPSC) ,กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (WHA), กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (HANA), กลุ่ม J-Group (JMART, JMT) รับปัจจัยหนุนต่างๆในปีหน้า

ขณะที่กลุ่มหุ้นเล็กและกลาง ได้แก่  COCOCO มีกำไรเติบโตเด่นในปีหน้า มีสัญญากลับตัวขึ้นต่อที่สำคัญ) ส่วน MASTER และSINGER  มีราคาอยู่ในโซนล่าง และเริ่มกลับมามีกำไรใส ไตรมาสใน 3ที่ผ่านมาและกำลังกลับมาเติบโตในปีหน้า 

ทางด้าน มุมมองตลาดหุ้นไทยในเดือนธ.ค.นี้  นาย วิจิตร คาดว่า ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบ 1,360- 1,450 จุด

จากที่ภาครัฐพยายามมี มาตรการควบคุมดูแลที่มากขึ้น จะค่อยๆพื้นความเชื่อมั่น และมาตรการกระตุ้นการลงทุน เป็นจิตวิทยาเชิงบวกมากขึ้น รวมถึงวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นที่เข้าสู่จุดสูงสุด แนะนำหุ้นเด่นเดือนธ.ค.นี้ เช่น COCOCO, CPN, ITC,KCE, WHA

“ หากไล่หุ้นโซนบนเหนื่อย ยกเว้นออลไทม์ไฮแล้วออลไทม์ไฮอีก ก็ต้องหาหน้าหุ้นโซนล่าง ที่มีโอกาสเทิร์นอะลาวด์ในปีนี้ ที่เริ่มเห็นแสงสว่างมากขึ้นหรือแก้ปัญหาในอดีต แนวโน้มกำไรมีทิศทางฟื้นตัว  ด้วยราคาหุ้นน่าสนใจ เก็บไว้รอเครื่องติด เข้ารอบเอง"