JKN กางไทม์ไลน์ ไม่เชิญบอร์ดประชุมฟื้นฟูกิจการ ย้ำต่อสายตรงหาทุกคนแล้ว

JKN กางไทม์ไลน์ ไม่เชิญบอร์ดประชุมฟื้นฟูกิจการ ย้ำต่อสายตรงหาทุกคนแล้ว

“แอน-จักรพงษ์” ซีอีโอ JKN กางไทม์ไลน์แจงยิบ เหตุไม่ร่อนหนังสือเชิญประชุมเพื่อโหวตฟื้นฟูกิจการ อ้างมีความจำเป็นเร่งด่วน ต้องไปจัดประกวด Miss Universe แต่ได้ต่อสายตรงถึงกรรมการทุกท่านเพื่ออธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และความจำเป็นที่ต้องยื่นฟื้นฟูกิจการ

ยังคงไม่จบสำหรับประเด็นปัญหาของ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป (JKN) โดยเฉพาะกรณีมติยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการซึ่งมีประเด็นว่า กรรมการบางท่านไม่ได้รับหนังสือเชิญประชุม ทำให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ต้องขอให้ JKN ชี้แจงเรื่องดังกล่าว และแม้ว่า JKN ได้ชี้แจงไปแล้ว แต่ก็ยังมีบางประเด็นที่ไม่ชัดเจน ทำให้ ก.ล.ต. ต้องสั่งการให้ JKN ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม

ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา(29พ.ย.) JKN ได้ชี้แจงข้อมูลดังกล่าวเพิ่มเติมผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) โดยลำดับเหตุการณ์ช่วงเวลาที่ นายจักรพงษ์ จุกราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ JKN ได้ติดต่อกรรมการแต่ละรายก่อนและหลังการประชุมในวันที่ 7 พ.ย. รายละเอียดมีดังนี้

เวลา 12.14 น. กรรมการท่านที่ 1 ได้ขอรวมสายกับกรรมการท่านที่ 2 เพื่อคุยพร้อมกัน ซึ่งหลังจากที่ได้คุยกันว่าจะยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ ทั้ง 2 ท่านก็ไม่ได้มีการคัดค้านการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการแต่อย่างใด และในวันที่ 8 พ.ย.2566 ทาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(CEO) ได้โทรหากรรมการท่านที่ 1 อีกครั้งระหว่างพักเครื่องอยู่ในต่างประเทศ เพื่อยืนยันว่าจะต้องยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการในวันที่ 8 พ.ย.2566 ซึ่งไม่ได้มีการคัดค้นการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ

ส่วนกรรมการท่านที่ 3 ช่วงเวลา 16.22 น. ไม่ได้มีการคัดค้านการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ ซึ่ง CEO ขอให้นำความไปถ่ายทอดให้กรรมการท่านที่ 4 และท่านที่ 6 ด้วย ต่อมาเวลา 18.36 น. ได้ไลน์แจ้งขอให้กรรมการท่านที่ 9 โทรกลับเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และกรรมการท่านที่ 9 ได้โทรกลับเวลาประมาณ 20.04 น. 

สำหรับกรรมการท่านที่ 4 ในวันที่ 7 พ.ย.2566 อยู่ระหว่างเดินทางโดยเครื่องบิน จึงไม่ได้รับสาย ซึ่งต่อมาเวลา 18.00 น. ได้โทรไลน์มาหาเลขานุการบริษัท แต่ไม่ได้รับสายเนื่องจากติดประชุม ทางเลขานุการบริษัทได้โทรกลับไปเวลา 20.52 น.

ส่วนกรรมการท่านที่ 5  เวลา 16.44 น. ไม่ได้คัดค้านการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการและสอบถามว่ากรรมการท่านที่ 3 ทราบรายละเอียดแล้วใช่หรือไม่ 

ขณะที่กรรมการท่านที่ 6 ซึ่งเข้าร่วมประชุมออนไลน์เวลา 18.00-19.45 น. รับทราบและไม่ติดขัดการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ แต่ของดออกเสียง

ส่วนกรรมการที่เข้าประชุมทั้งหมดในวันที่ 7 พ.ย.2566 เวลา 18.00-19.45 น. ซึ่งประกอบด้วยตัว CEO และกรรมการท่านที่ 7 , 8 , 9 และ 10 ได้รับทราบการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการและเห็นด้วย

ต่อมาในวันที่ 8 พ.ย.2566 กรรมการท่านที่ 3 และ 4 เข้ามาที่บริษัทเพื่อประชุมกับผู้สอบบัญชี หลังจากนั้นกรรมการท่านที่ 9 และเลขานุการบริษัทขอเข้าพบเพื่อชี้แจงแนวทางการ Elcid โดยกรรมการท่านที่ 3 และ 4 ได้สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ หลังจากนั้นแจ้งความประสงค์ขอให้บันทึกรายงานการประชุมว่ากรรมการอิสระไม่เข้าร่วมประชุม

นอกจากนี้ นายจักรพงษ์ ได้ชี้แจงต่อสํานักงานก.ล.ต. ว่า บริษัทได้กําหนดขั้นตอนการเรียกประชุมคณะกรรมการบริษัทไว้ในข้อบังคับของบริษัทฯ หมวดที่ 3 ข้อที่ 27 วรรคที่หก ซึ่งได้ระบุไว้ว่า “ในการเรียกประชุมคณะกรรมการ ให้ส่งหนังสือนัดประชุมไปยังกรรมการไม่น้อยกว่าสาม (3) วัน ก่อนวันประชุม เว้นแต่ในกรณีจําเป็นรีบด่วนเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ของบริษัทจะแจ้งการประชุมโดยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีการอื่นใด และกำหนดวันประชุมให้เร็วกว่านั้นก็ได้” ้ 

ทั้งนี้ นายจักรพงษ์ ขอชี้แจงว่าบริษัทฯ มิได้มีการส่งหนังสือนัดเชิญประชุมไปยังคณะกรรมการ เนื่องจากบริษัทมีความจําเป็นรีบด่วน เพราะตัว นายจักรพงษ์ ต้องเดินทางไปต่างประเทศเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อปฏิบัติภารกิจการจัดงาน
ประกวด Miss Universe 2023 และเจรจาธุรกิจกับคู่ค้าต่าง ๆ หลายประเทศ เพื่อเป็นการหารายได้กลับเข้าสู่บริษัท อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการดําเนินธุรกิจที่ได้วางไว้ ที่จะต้องกระทําเพื่อรักษาสิทธิหรือประโยชน์ของบริษัท เป็นเหตุให้บริษัทไม่สามารถออกหนังสือเชิญประชุมเป็นหนังสือได้ทัน 

แต่ทั้งนี้ นายจักรพงษ์ ได้ดําเนินการติดต่อไปยังคณะกรรมการของบริษัท โดยตรงด้วยวิธีการทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2566 เพื่ออธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและแผนสํารองหากการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ไม่เห็นชอบกับแผนการชําระหนี้หุ้นกู้ที่จัดทําโดยที่ปรึกษาทางการเงิน จะทําให้หนี้หุ้นกู้ทุกรุ่นถึงกําหนดชําระโดยพลัน
ดังนั้นบริษัทมีความจําเป็นที่จะต้องยื่นคําร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง โดย นายจักรพงษ์ สามารถติดต่อกรรมการทางโทรศัพท์โดยตรง รวม 5 ท่าน ซึ่งไม่ได้มีการคัดค้านการยื่นฟื้นฟูกิจการแต่อย่างใด ส่วนอีก 1 ท่านไม่สามารถติดต่อได้ เนื่องจากอยู่ในระหว่างเดินทางโดยเครื่องบิน ทั้งนี้ กรรมการอีก 4 ท่าน เป็นกรรมการและกรรมการบริหาร ซึ่งทํางานอยู่ที่สถานประกอบการของบริษัท

นอกจากนี้ นายจักรพงษ์ ยังได้ชี้แจงต่อสํานักงาน ก.ล.ต. เพิ่มเติมว่า คณะกรรมการบริษัทมีจํานวนทั้งหมด 10 ท่าน และได้มีการติดต่อไปยังคณะกรรมการบริษัททางโทรศัพท์โดยตรง รวม 5 ท่าน และไม่สามารถติดต่อได้รวม 1 ท่าน ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น 

ทั้งนี้ กรรมการที่ได้ติดต่อทางโทรศัพท์สามารถเข้าร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้เพียง 1 ท่าน เมื่อนับรวมกับกรรมการจํานวน 4 ท่าน ที่ได้เข้าร่วมประชุม ณ สถานประกอบการของบริษัท รวมเป็นกรรมการที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ทั้งสิ้น 5 ท่าน จึงถือได้ว่ามีกรรมการมาเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ซึ่งในวันดังกล่าวประธานในที่ประชุมไม่อยู่ในที่ประชุมและไม่มีรองประธานกรรมการ

ดังนั้นกรรมการที่เข้าร่วมประชุมจึงได้แต่งตั้งให้ นายจักรพงษ์ เป็นประธานในที่ประชุม และในระหว่างที่ดําเนินการจัดการประชุม เพื่อการออกเสียงลงคะแนนในวาระพิจารณาอนุมัติการยื่นคําร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง ได้มีกรรมการ งดออกเสียง 1 ท่าน และ เห็นชอบรวม 4 ท่าน จึงถือได้ว่าเป็นการวินิจชัยชี้ขาดของที่ประชุมเสียงโดยใช้เสียงข้างมาก

นอกจากนี้ นายจักรพงษ์ ได้ชี้แจงต่อสํานักงาน ก.ล.ต. ว่าจากข้อบังคับของบริษัทไม่ได้มีการกําหนดอํานาจของกรรมการผู้มีอํานาจลงนามของบริษัทฯ เกี่ยวกับการยื่นคําร้องขอฟื้นฟูกิจการไว้เป็นการเฉพาะ ซึ่ง นายจักรพงษ์ ในฐานะกรรมการผู้มีอํานาจลงนามกับกรรมการผู้มีอํานาจลงนามอีก 1 ท่าน ได้ร่วมกันลงนามในเอกสารคําร้องขอฟื้นฟูกิจการที่ได้ยื่นต่อศาลล้มละลายกลาง โดยอาศัยมติเสียงข้างมากของที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 10/2566 เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2566