รายย่อยแสดงจุดยืน | ออฟเรคคอร์ด

รายย่อยแสดงจุดยืน  | ออฟเรคคอร์ด

เรียกร้องให้ตรวจสอบธุรกรรม short sell และ naked short sell ของนักลงทุน “รายย่อย” ในตลาดหุ้นไทย

๐๐๐ รายย่อยแสดงจุดยืน 

       เรียกร้องให้ตรวจสอบธุรกรรม short sell และ naked short sell ของนักลงทุน “รายย่อย” ในตลาดหุ้นไทยพร้อมกับภาพตลาดหุ้นที่มูลค่าการซื้อขายบางเบาวันที่ 20 พ.ย.66 จากการ ‘นัดหยุดเทรด’ สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ 

       พร้อมกับภาพตลาดหุ้นที่มูลค่าการซื้อขายบางเบาวันที่ 20 พ.ย.66 จากการ ‘นัดหยุดเทรด’ สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ 

      จากหน่วยงานตลาดทุนไทยยังไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้เต็ม 100 ว่าหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงแรงช่วงที่ผ่านมา โดย เฉพาะหุ้นรายตัว  ว่าเกิดจาก “แรงขายด้วยปัจจัยพื้นฐาน” และ “ปัจจัยจากต่างประเทศ”  เท่านั้น

        ดังนั้นมาตรการ เรียกความเชื่อมั่น ฟื้นความมั่นใจ จึงเกิดขึ้นแบบ ทันด่วน และ รวดเร็ว ในรอบเกือบ 8 ปี ของตลาดหุ้นไทย จากการยอมเปิดเผยข้อมูลการซื้อขาย program trading  ตามมาด้วยการทยอยแถลงข้อมูลเพิ่มเติมกับโบรกเกอร์

       รวมถึงการออกโรงใหญ่ของ เลขาฯ ก.ล.ต.  ที่ประเดิมงานแรกก็ได้เรื่องฮอตต้อนรับเลยทีเดียว ถึงการลงไปตรวจสอบกับทาง ตลท. เพื่อ “ปิดช่องโหว่ naked short sell”  มาในคราบสถาบันอาศัยวงเงินสูง - ค่าคอมฯ ถูกจากโบรกเกอร์ 

       กลับสร้างความเสียหายให้รายย่อย - ผู้ถือหุ้น และภาพรวมตลาดหุ้นไทยคอนโทรลหุ้นลงเพื่อทุบนักลงทุนกลุ่มอื่นได้สะดวก 

๐๐๐

       ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยอิงกับปัจจัยต่างประเทศ  รัฐบาลจีนให้คำมั่นว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) และอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบจำนวน 1.45 ล้านล้านหยวน (2 แสนล้านดอลลาร์) ผ่านทางโครงการ MLF และกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมที่ระดับ 2.5% โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

๐๐๐

     ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวตลอดทั้งวัน ท่ามกลางจับตามองไปที่กลุ่มนักลงทุนรายย่อยที่แสดงจุดยืน “หยุดเทรด 20 พ.ย.66 ”   ผสมกับตัวเลขกับตัวเลขเศรษฐกิจไทยไม่ดี และต่ำกว่าภูมิภาค ดัชนีปิดตัว  1,419.44 จุด  เพิ่มขึ้น 3.66 จุด  เปลี่ยนแปลง 0.24% มูลค่าการซื้อขาย 37,425.18 ล้านบาท มีนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 452.98 ล้านบาท  พอร์ตโบรกเกอร์ซื้อสุทธิ   86.37 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ  1,405.09  และ รายย่อยซื้อสุทธิ 865.74   ล้านบาท​

๐๐๐

     GDP ไทยไตรมาส 3/2566 ขยายตัว 1.5% เทียบกับการขยายตัว 1.8% ในไตรมาสที่สองของปี 2566 (YoY) และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ปี 2566 ขยายตัวจากไตรมาส 2 ปี 2566 ที่ 0.8%(QoQ_SA) รวม 9 เดือนแรกของ ปี 2566 เศรษฐกิจไทยขยายตัว 1.9% 

     สศช. ปรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2566 คาดว่า 2.5%  เงินเฟ้อคาดว่า 1.4% และดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุล 1.0% ของ GDP   และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2567 คาด 2.7 - 3.7%  โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการกลับมาขยายตัวของการส่งออก การขยายตัว ในเกณฑ์ดีของการบริโภค และการลงทุนภาคเอกชน และการฟื้นตัว

๐๐๐

     กระแสเวทีนางงามกับ JKN ยังร้อนแรงในโลกโซเซียลหลัง ไทยพลาดมองที่ 3 ไป แบบค้านตาแฟนคลับนางงาม แต่ที่ไม่ค้าน และชัดเจน“ แอน จักรพงษ์  จักราจุฑาธิบดิ์”  แจ้งขายเพิ่มอีกหุ้น JKN จำนวน  2 รายการ 60 ล้านหุ้น ราคาหุ้น 0.38 และ 0.27 บาท ช่วงวันที่ 13-14 พ.ย.2566 หลังนำบริษัทเข้าฟื้นฟูกิจการเพียงไม่ถึงสัปดาห์ 

      โดยระบุเป็นแจงบัญชีมาร์จิ้นถูก Forced Sell  ส่งผลทำให้ต้องเทขายหุ้น ปัจจุบันถือหุ้น JKN คิดเป็นสัดส่วน 32.20% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และขอยืนยันว่า ยังนั่งแท่นบริหาร JKN และยังถือครองหุ้น JKN กว่า 32.20% ตามเดิม ซึ่งที่ผ่านมาเดือนส.ค.- ก.ย. มีกรณีที่ตนเอง และน้องสาวขายหุ้นล็อตใหญ่มูลค่าเกือบ 130 ล้านบาท หลังผิดนัดชำระหุ้นกู้ที่ครบกำหนด 1 ก.ย.2566 มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท

๐๐๐

     TKN   Collab กับ “Pokemon” (โปเกมอน)  กับบริษัท เดอะ โปเกมอน คอมพานี เจ้าของแบรนด์คาแรกเตอร์การ์ตูนชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น  สร้าง Brand Engagement บนฉลากผลิตภัณฑ์สาหร่ายเถ้าแก่น้อย อัดแคมเปญ ออกการ์ดโปเกมอนสุดเอ็กซ์คลูซีฟจำนวน 4 แสนชิ้นในโลก ซึ่งเป็นการ์ดแรร์ไอเทม (Rare item) ที่มีด้วยกัน 12 แบบ นอกจากนี้ บางซองสินค้าสาหร่ายเถ้าแก่น้อยยังมีการ์ดซูเปอร์แรร์ไอเทม (Super Rare item) เริ่มวางขายตั้งแต่ 17 พ.ย.66 

๐๐๐

      เจ้าของที่เห็นหุ้นร่วงไม่ได้  “วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารCOCOCO  เข้าเก็บหุ้นทันที  1,750,000 หุ้น ที่ราคา 7.75-7.79 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงิน 13,627,750 บาท โดยทำธุรกรรม 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 15 และ 16 พ.ย.66 ส่งผลให้จำนวนหุ้นถือครองเพิ่มเป็น 331,750,000 หุ้น

กระแสข่าวโจมตีเรื่องมาร์จิ้นลดลงหลังเปิดงบไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัทที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และตอกย้ำผู้ถือหุ้นให้มั่นใจได้ว่า COCOCO ถือเป็น ผู้นำ ด้านกะทิ และน้ำมะพร้าวรายใหญ่ของเมืองไทย และยังอยู่ในธุรกิจเมกะเทรนด์สุขภาพทั่วโลกที่มีศักยภาพการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์