WHA ลุยขายทรัพย์เข้ากองWHART ชูยีลด์ 8.3%ต่อปี เตรียมเปิดจองซื้อต้น ธ.ค.นี้

WHA ลุยขายทรัพย์เข้ากองWHART ชูยีลด์ 8.3%ต่อปี เตรียมเปิดจองซื้อต้น ธ.ค.นี้

WHA ขายทรัพย์สินคลังสินค้า - โรงงาน 3 โครงการ มูลค่า 3.5 พันล้าน เพิ่มทุน กองรีท WHART ดันมูลค่าทรัพย์สินแตะ 5.5 หมื่นล้านบาท มากสุดในประเทศ พร้อมโชว์จ่ายผลตอบแทนเด่น 8.3%ต่อปี รายย่อยจองซื้อ13-18 ธ.คนี้

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากกระแสการย้ายฐานการลงทุนและฐานการผลิตมายังไทย ส่งผลให้ความต้องการใช้ที่ดินอุตสาหกรรมของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนจากทั่วโลก โดยนิคมอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์จะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมแรกๆ ที่เพิ่มมูลค่าการลงทุนให้กับประเทศ

WHA ลุยขายทรัพย์เข้ากองWHART ชูยีลด์ 8.3%ต่อปี เตรียมเปิดจองซื้อต้น ธ.ค.นี้

ปัจจุบัน บริษัทมีนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างการดำเนินการในไทย 12 แห่ง และยังเดินหน้าขยายการลงทุนให้ครอบคลุมทำเลยุทธศาสตร์สำคัญในประเทศ พร้อมแสวงหาโอกาสใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า อีคอมเมิร์ซ และอุตสาหกรรมในกลุ่ม New S-curve เป็นต้น

นางสาวจรีพร กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2567 คาดว่าจะเติบโตดีกว่าปีนี้อย่างแน่นอน โดยมาจากรายได้ท่องเที่ยว และการส่งออกที่ขยายตัวดีขึ้นอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันจะเกิดการเคลื่อนย้ายฐานการลงทุนครั้งใหญ่ของโลกส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทปีนี้ บริษัทเพิ่มเป้าหมายยอดขายที่ดินในปี 2566 เป็น 2,750 ไร่ โดยมั่นใจว่าปีนี้จะทำสถิติเป็น All time high อีกครั้ง

พร้อมกันนี้  ในส่วนกองทรัสต์ WHART เดินหน้าขยายอาณาจักรเป็นผู้นำกองทรัสต์ประเภทอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในไทยภายหลังจากการเพิ่มทุนในปี 2566 จำนวนไม่เกิน 195.90 ล้านหน่วย เพื่อลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมในปี 66 มูลค่าไม่เกิน 3,566.49 ล้านบาท

ทั้งนี้ ภายหลังการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินครั้งนี้ จะส่งผลให้กองทรัสต์ WHART มีมูลค่าทรัพย์สินรวมแตะ 55,000 ล้านบาท ถือเป็นกองทรัสต์ประเภทอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวมมากที่สุดในประเทศ โดยมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 1.89 ล้านตารางเมตร พื้นที่เช่าหลังคา 487,243.29 ตารางเมตร โดยเป็นอาคารคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า และอาคารโรงงาน ที่พัฒนาขึ้นตามความต้องการลูกค้าและแบบสำเร็จรูป

ทั้งนี้ ทรัพย์สินที่กองทรัสต์ WHART จะเข้าลงทุนในครั้งนี้ มี 3 โครงการ ประกอบด้วย

1.โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม.21 เป็นคลังสินค้า รูปแบบ Built-to-Suit และGeneral Warehouse พื้นที่เช่า 90,862 ตร.ม.

2.โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ แหลมฉบัง โปรเจค1 เป็นคลังสินค้า รูปแบบ General Warehouse พื้นที่เช่า 24,310 ตร.ม.

3.โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา-ตราด กม.23 โปรเจค 3 เป็นคลังสินค้า และโรงงานแบบ General Warehouse พื้นที่เช่า 27,724 ตร.ม.

นายอนุวัฒน์ จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (กองทรัสต์ WHART) กล่าวว่า ปัจจุบันกองทรัสต์ WHART มีมูลค่าทรัพย์สินกว่า 51,000 ล้านบาท และมีโครงการภายใต้กว่าบริหารจัดการ 39 โครงการ หรือพื้นที่ประมาณ 1.74 ล้านตารางเมตร สำหรับในแต่ละปี มีเป้าหมายที่จะเพิ่มทุนประมาณ 3,000-5,000 ล้านบาท หรือประมาณ 100,000 กว่าตารางเมตรต่อปี

นายสาวิตร ศรีศรันยพงศ์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ WHART กล่าวว่า ปัจจุบันถือเป็นจังหวะและโอกาสในการลงทุนในกองทรัสต์ (REIT) เนื่องจากปัจจุบันมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้ว ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในกอง REIT

โดยทางธนาคารเห็นว่าทรัพย์สินประเภทนี้ เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่น่าลงทุน ทั้งคุณสมบัติสินทรัพย์ที่มีโอกาสรับผลตอบแทนจากเงินปันผลสม่ำเสมอ โดยเลือกลงทุนในกองทรัสต์ที่ลงทุนในทรัพย์สินที่มีความมั่นคงจากรายได้ค่าเช่า และมีความต่อเนื่องและเติบโตของทรัพย์สินในระยะยาว

นางสาวจิตติสา เจริญพานิช ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า กองทรัพย์ WHART เป็นกองทรัสต์ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท และยังเป็นผู้นำกองทรัสต์ในกลุ่มคลังสินค้าและอุตสาหกรรม มีศักยภาพในการเติบโตด้วยทรัพย์สินที่แข็งแกร่ง สามารถจ่ายผลตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยได้อย่างสม่ำเสมอ

 

ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าลงทุนในทรัพย์สินหลักเพิ่มเติมในครั้งนี้ กองทรัสต์ WHART ได้ประมาณการจ่ายประโยชน์ผลตอบแทนต่อหน่วยแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เท่ากับ 0.79 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบประมาณการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค. 67 หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายประโยชน์ตอบแทนที่ 8.23% ขึ้นอยู่กับราคาเสนอขายสุดท้าย

 

สำหรับการเพิ่มทุนของกองทรัสต์ ครั้งนี้ ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมสามารถจองซื้อได้ในวันที่ 1,4 และระหว่างวันที่ 6-8 ธ.ค. นี้ ที่ราคาสูงสุดที่ 9.60 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้หากราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่าราคาสูงสุดจะทำการคืนเงินส่วนต่างราคาให้กับผู้จองซื้อ ส่วนประชาชนทั่วไปสามารถจองซื้อได้ในวันที่ 13-15 และวันที่ 18 ธ.ค.นี้ โดยจะทำการชำระเงินจองซื้อที่ราคาสุดท้าย โดยสามารถซื้อได้ผ่าน KBANK ธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน) หรือ KTB บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT