‘ซัน-กระทรวง’ ชี้เจาะซื้อขาย NVDR หาปม NAKED SHORT

‘ซัน-กระทรวง’ ชี้เจาะซื้อขาย NVDR หาปม NAKED SHORT

ไม่แปลก ! ที่ตลท.-ก.ล.ต. จะตรวจไม่พบความผิดปกติ Naked Short เพราะต้นสัญญาณอยู่ในต่างประเทศ “ซัน-กระทรวง จารุศิระ” ชี้ลองเจาะซื้อขาย NVDR หาปมพิรุธ โดยเฉพาะในโบรกฯ ที่มีสัดส่วนให้บริการนักลงทุนต่างชาติสูง

จากประเด็นที่ประเด็นนักลงทุนตั้งคำถามไปถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพราะเหตุใดดัชนี SET INDEX ถึงปรับตัวลงมามากสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก และพุ่งเป้าไปที่ธุรกรรมชอร์ตเซล Naked Short  หรือการขายหุ้น โดยไม่มีหุ้นอยู่ในมือ ซึ่งเป็นธุรกรรมของนักลงทุนต่างชาติเอาเปรียบนักลงทุนทั่วไป

ล่าสุดหนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่อย่าง “ซัน-กระทรวง จารุศิระ” นักลงทุนเดย์เทรด และผู้ริเริ่มโครงการซุปเปอร์ เทรดเดอร์ ไทยแลนด์ (Super Trader Thai land) โพสต์ในช่องทางโซเชียลส่วนตัวว่า... “NAKED SHORT มีจริง !”  ต้นสัญญาณอยู่ต่างประเทศ มีโบรกฯ ในประเทศไทยบางโบรกฯ ให้การสนับสนุน

ผมได้รับข้อมูลมาหลายทางจากผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อันนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องส่วนรวม ผมมองว่า unfair advantage เรื่องนี้ทางการควรให้ความสำคัญ

เพราะถ้ารายย่อยไม่เหลือ ตลาดเราก็จะกลายเป็นตลาดให้ต่างชาติเข้ามาสูบเลือดสูบเนื้อ แล้วทิ้งไปอย่างไม่ใยดี SET อาจอยู่ในสภาวะซึมลงตลอดกาล ไม่น่าสนใจ

“ช่วยกันปกป้องนักลงทุนรายย่อยและเพื่อความเป็นธรรมครับ”
 

“ซัน-กระทรวง” เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ไม่แปลกใจที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ตลท. และ ก.ล.ต. จะตรวจไม่พบความผิดปกติของการซื้อขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ ถือว่าไม่ผิดที่ตรวจสอบธุรกรรมชอร์ตเซล Naked Short แล้วไม่พบความผิดปกติอย่างมีนับสำคัญ เนื่องจากสัญญาณดังกล่าวอยู่ในต่างประเทศทั้งหมด การตรวจสอบจะยาก    

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากจะลองให้ผู้ที่เกี่ยวข้องลองเข้าไปดูคือใน “ข้อมูลต่างชาติซื้อขาย” (NVDR) ว่าพบความผิดปกติหรือไม่ ?! โดยเฉพาะในบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ขนาดใหญ่ที่มีสัดส่วนให้บริการนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งไม่รู้ตรงนั้นจะมี NVDR ถือครองหุ้นในแต่ละตัวสัดส่วนมากน้อยแค่ไหน และหากมีสัดส่วนสูงจริง นักลงทุนต่างชาติไปเอาหุ้นมาจากไหนมากมาย  

ถามว่าหากไม่มีมาตรการอะไรออกมาเรียก “ความเชื่อมั่น” กลับคืนจากนักลงทุนทั่วไป (รายย่อย) เชื่อว่าสัดส่วนนักลงทุนทั่วไปในประเทศอาจจะมีสัดส่วน “ลดลง” เรื่อยๆ ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนนักลงทุนทั่วไปถือว่าต่ำสุดในรอบ 10 ปีแล้ว ดังจะเห็นในระดับ 30-32% ขณะที่นักลงทุนต่างชาติถือเกินระดับ 50% ขึ้นไป

              และสุดท้ายหากปล่อยให้สถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ ! คาดตลาดหุ้นไทยจะมีลักษณะ “ซึมๆ” ต่อเนื่องไปในระยะยาวอีกหลายปี