ลิเบอเรเตอร์ ชี้ SETครึ่งแรกปีหน้า1,600 จุด แนะเพิ่มพอร์ตลงทุนหุ้นแตะ 60%

ลิเบอเรเตอร์ ชี้ SETครึ่งแรกปีหน้า1,600 จุด แนะเพิ่มพอร์ตลงทุนหุ้นแตะ 60%

"บล.ลิเบอเรเตอร์" ลุ้น ดัชนีหุ้นไทยครึ่งแรกปีหน้า1,600 จุด เหตุปัจจัยลบคลี่คลาย แนะเพิ่มพอร์ตลงทุนหุ้นแตะ 60% - คริปโทเคอร์เรนซีแตะ 20% พร้อมลดน้ำหนักลงทุนตราสารหนี้ - ทองคำ

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ลิเบอเรเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงปีหน้ามีทิศทางดีขึ้น โดยมองดัชนีหุ้นไทยครึ่งปีแรกที่ระดับประมาณ1,600 จุด  เนื่องจากปัจจัยลบที่กดดันในปีนี้ที่จะต่อเนื่องไปปีหน้าจะมีความชัดเจนมากขึ้น เช่น นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บอนด์ยีลด์มีทิศทางที่ลดลง ภาพเศรษฐกิจโลก และนโยบายรัฐบาลไทยในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หวังว่าวิกฤติขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะดีขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยหน้าเติบโต

นอกจากนี้ดัชนีหุ้นไทยที่ระดับประมาณ 1,400 จุดนั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำ แวลูเอชันหุ้นไทยถือว่าถูกมากแล้ว ซื้อขาย(เทรด)ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะกลาง จึงถือว่าน่าเข้าลงทุนมากๆ  และส่วนตัวมองว่าดัชนีหุ้นไทยไม่ควรลงไปแตะช่วงที่เกิดวิกฤติโควิดที่ 1,000-1,200 จุด  จึงเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุน 

“การลงทุนปีหน้ามีสัญญาณที่ดีขึ้น บอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวลดลง เศรษฐกิจโลกผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เศรษฐกิจไทยเติบโตแม้จะโตไม่มาก ขณะที่แวลูเอชันหุ้นไทยถือว่าต่ำมาก  ซึ่งหากไม่กล้าซื้อหุ้นในช่วงที่คนขาดความมั่นใจแล้วจะไปซื้อหุ้นช่วงไหนที่จะให้ผลตอบแทนที่ดี ”

ดังนั้นการจัดพอร์ตการลงทุนในปีหน้า จากปัจจัยลบในปีนี้นั้นจะมีความชัดเจนปีหน้าทำให้การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมีความน่าสนใจกว่าสินทรัพย์ปลอดภัย จึงแนะนำเพิ่มสัดส่วนลงทุนหุ้นเป็น 60% จากปีนี้ที่มีสัดส่วน30% ลดลงทุนตราสารหนี้เหลือ 15% จากปีนี้ที่ 30% ปรับลดลงทุนทองคำเหลือ 5% จากปีนี้ที่ 15% สินทรัพย์ทางเลือก เช่น คริปโทเคอร์เรนซีเป็น 20% จากปีนี้ 15% เพราะประมาณเดือนมี.ค.และเม.ย.ปี 2567 จะเข้าสู่การฮาฟวิ่ง (Bitcoin Halving)รอบใหม่ที่จะทำให้ราคาบิตคอยน์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 

    ส่วนกลุ่มหุ้นที่แนะนำ คือ กลุ่มแบงก์ แนะนำ BBL และKBANK, กลุ่มคอมเมิร์ช (CPALL), กลุ่มไฟแนนซ์ ,กลุ่มเฮลท์แคร์  (BH), ท่องเที่ยว (SPA และERW),อิเล็กทรอนิกส์ (HANA)นิคมอุตสาหกรรม (WHA) หุ้นปันผลสูง

 นายวิจิตร กล่าวว่า จากปัญหาสภาพคล่องและกระแสเงินสดในการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ขนาดกลาง และขนาดเล็กที่เกิดขึ้นในปีนี้นั้น แม้จะมีการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ (ดีฟอลต์) มาเรื่อยๆ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าจะมันรุนแรงถึงขั้นเป็นวิกฤติการลงทุน เป็นเพียงแค่เซนทิเมนต์เชิงลบในการลงทุนเท่านั้น 

 สำหรับเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ(ฟันด์โฟลว์)นั้นยังเป็นทิศทางในการไหลออกต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้ขายสุทธิไปแล้วประมาณ 1.7 แสนล้านบาท ส่วนจุดที่จะทำให้ฟันด์โฟลว์ไหลกลับเข้ามาตลาดหุ้นไทย ก็ต่อเมื่อปัจจัยภายในของโลกมีความชัดเจน ทำให้บอนด์ยีลด์ปรับตัวลดลง 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์