ปฏิบัติการ ‘ล้มบนฟูก’ ของ JKN ยื่นฟื้นฟูหวัง ‘ยืดเวลาคืนหนี้’

ปฏิบัติการ ‘ล้มบนฟูก’ ของ JKN ยื่นฟื้นฟูหวัง ‘ยืดเวลาคืนหนี้’

ดูเหมือนว่าการขอยื่นฟื้นฟูกิจการ JKN แอบมีนัยอะไร “ซุกซ่อน” ? ยืดลมหายใจ หาเงินคืนหนี้ อย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ! เรื่อง “จริง” หรือ “เท็จ” ไม่อาจรู้ได้ แต่ที่แน่ๆ มูลหนี้หุ้นกู้ก้อนโตที่จะครบกำหนดปี 67 และ ปี 68 ก็คงต้องถูก “แช่แข็ง” รอบทสรุปไปก่อน...

กลับมาเป็นประเด็นที่ทำให้นักลงทุน “ตื่นตกใจ” กลับทางออกสุดท้ายของ บมจ. เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป หรือ JKN ในเช้าวันที่ 9 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา ภายหลังรายงานผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2566 ได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางภายใต้พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 (รวมที่แก้ไขเพิ่มเติม) และเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2566 ศาลล้มละลายกลางมี “คำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ” ของบริษัทแล้ว โดยศาลล้มละลายกลางได้กำหนดวันไต่สวนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการในวันที่ 29 ม.ค.2567

 

ดูๆ เหมือนจะ “ช็อก” ความรู้สึกของนักลงทุนไม่มากก็น้อย... เพราะด้วยการกระทำดังกล่าวเปรียบเหมือนการ “ซ้ำเติม” บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยให้ “ย่ำแย่” ลงไปอีก หลังทั้ง ตลท. และ ก.ล.ต. พยายามจะ “กู้คืน” ศรัทธาจากนักลงทุน แต่เจอเรื่อง JKN เข้าไปอีก งานนี้คงต้องบอกว่า “ยากลำบาก” ในการกู้ศรัทธาคืนในระยะเวลาอันใกล้  

ปฏิกิริยาแรกสะท้อนได้จากภาพ หุ้น JKN ราคาร่วงฟลอร์ (Floor) 2 วันติด... ซึ่งภาพที่เห็นมีแต่ฝั่งราคา Offer ไม่ฝั่งราคา Bid ให้เห็นเลย นั้นอาจหมายความว่านักลงทุนพร้อมใจเทขายหุ้นแบบไม่คิดชีวิต สอดคล้องกับดัชนี SET INDEX ร่วงแรงทำต่ำสุดของวันอยู่ที่ 22.31 จุด อยู่ที่ 1,389.46 จุด เป็นการกลับมาหลุด 1,400 จุดอีกครั้ง !! (9 พ.ย.66)

ประเด็นดังกล่าวอาจจะเป็นสิ่งที่นักลงทุนยังไม่คิดว่า “ผู้ถือหุ้นใหญ่” อย่าง “แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” ที่เคยถูกกล่าวขานเป็นนักธุรกิจสาวข้ามเพศที่ถูกจัดอันดับโดย “นิตยสารฟอร์บส์” ของสหรัฐ ว่า รวยที่สุดในเอเชีย และรวยที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกด้วยมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 210 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 6.3 พันล้านบาท !!

 

จะหมดจนหนทางเลือกใช้วิธีการขอยื่นฟื้นฟูกิจการ เพราะเป็นที่น่าสังเกตว่า JKN ว่างบการเงินล่าสุด ณ งวด 6 เดือน 2566 บริษัทจะยังมีสินทรัพย์รวมมากกว่าหนี้สิน โดยสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 12,161 ล้านบาท ขณะที่หนี้สินรวมอยู่ที่ 7,398 ล้านบาท และที่ผ่านมาเห็นความพยายามของผู้ถือหุ้นใหญ่ ในการแก้ไขปัญหาสภาพคล่อง เพื่อให้ธุรกิจดำเนินการต่อไปได้ จากการจับมือกับ TOPNEWS เสริมความแข็งแกร่งด้านการนำเสนอข่าวสาร  

หากลงลึกในงบการเงินกับทรัพย์สิน หมื่นกว่าล้านบาท แต่สิ่งที่น่าสงสัยที่สุดคือ 20% หรือ 2.3 พันล้าน เป็นลูกหนี้การค้า และอีกกว่า 7.7 พันล้าน หรือ กว่า 64% เป็นสินทรัพย์ไม่มีตัวตน หรือ ลิขสิทธิ์ content… ซึ่งแปลง่ายๆ คือ 84% ของทรัพย์สิน เป็นเพียงลูกหนี้ กับค่าลิขสิทธิ์ที่ไม่รู้ตีมูลค่ายังไง

หากย้อนดูกลิ่นความผิดปกติคงเริ่มจากการไม่สามารถชำระหนี้ “หุ้นกู้ JKN239A” ที่ถึงวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ เมื่อ 1 ก.ย. 2566 จำนวนเงินต้น และดอกเบี้ยกว่า 609 ล้านบาท และมูลหนี้ก้อนนั้นที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ได้อนุมัติขยายเวลาชำระคืนไปแล้ว ก็ดูเหมือนจะต่อลมหายใจให้ JKN ได้ราวๆ 2 เดือน !

 

แต่ก็อย่างที่บอกปัญหาไม่ได้หายไปไหน ! เมื่อการแก้ไขขาดสภาพคล่อง “ยังไม่จบ! และเรื่องดังกล่าวกำลังเริ่มบานปลายมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะยังมีหุ้นกู้อีก 7 ชุดที่จะทยอยครบกำหนดในปี 2567 และปี 2568 มูลค่ารวม 3.3 พันล้านบาท !! จากเดิมที่มีแผนขอเจรจาขอผ่อนผันการชำระหุ้นกู้ที่เตรียมจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ภายใน 8 ธ.ค. 2566 นี้

แต่บทสรุปทางออกสุดท้าย JKN ถูกตั้งคำถามว่าทำไมถึงเลือกหนทางเดินเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย... ทั้งๆ ที่ทางเลือกดังกล่าวต้องยอมแลกมากับการ “ถูกประทับตรา” ว่าธุรกิจของ JKN เคยเข้าสู่กระบวนการล้มละลายมาแล้ว    

หรือว่าการขอยื่นฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางของ JKN จะเป็นความตั้งใจที่ต้องการปรับโครงสร้างกิจการ - หาผู้ร่วมทุนจริงๆ หรือความตั้งใจที่จะ “ล้มบนฟูก” และใช้บิดเบือน “เจ้าหนี้” เพื่อเป็นการยืดเวลาคืนหนี้ เนื่องจากเมื่อศาลรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการแล้ว JKN ก็สามารถ “หยุดพัก” ชำระหนี้ทั้งหมดทันที ! เพื่อเข้าสู่แผนปรับโครงสร้างกิจการ นั้นหมายถึง เจ้าหนี้ทั้งหลายทั้งหุ้นกู้ , จะถูก “แช่แข็งหนี้ก้อนมหึมา” ทันที เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรืออาจจะใช้เวลานานกว่านั้นก็เป็นไปได้ทั้งหมด !!

เพราะระหว่างทางก่อนจะมีคำสั่ง ศาลจะมีการนัดเจ้าหนี้ และลูกหนี้เข้ามาไต่สวน ถึงตรงนั้นหากเจ้าหนี้ JKN ไม่เห็นด้วยกับแผนฟื้นฟูกิจการดังกล่าว ก็สามารถคัดค้านไม่เห็นด้วยกับแผนได้ และลูกหนี้ก็สามารถโต้แย้งว่ามีความจำเป็นที่ต้องขอฟื้นฟูกิจการ ซึ่งกระบวนการจะช้าหรือเร็วขึ้นคาดเดายาก 

ดังนั้น คงไม่แปลกหาก JKN จะถูกตั้งคำถามดังๆ ว่า นี่คือ หนึ่งในกระบวนท่าในการยืดเวลาจ่ายคืนหนี้หรือเปล่า ?! เพราะอย่างที่รู้ๆ กันว่าหาก “เจ้าของกิจการ” รายใด ไม่มีเงินคืนหนี้ หรือเลวร้ายสุดยังไม่อยากคืนหนี้ก็ต้องหยิบยกแผนการขอยื่นฟื้นฟูกิจการเพื่อเป็นการ “หยุดการจ่ายคืนหนี้โดยพลัน” เพื่อขอเวลาไปหาเงิน !!  

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์