IFA ชี้ ผู้ถือหุ้นTRCควรไฟเขียวลงทุนเหมืองโปแตซชัยภูมิ เชื่อดันรายได้โตเด่น

IFA ชี้ ผู้ถือหุ้นTRCควรไฟเขียวลงทุนเหมืองโปแตซชัยภูมิ เชื่อดันรายได้โตเด่น

IFA ชี้ ผู้ถือหุ้นTRC ควรลงมติเห็นชอบลงทุน "อาเซียนโปแตชชัยภูมิ" เหตุ มีโอกาสได้งานรับเหมาช่วงก่อสร้างเหมือง 1.12 หมื่นล้าน -มีรายได้ต่อเนื่องในการขายแร่ -ราคาของการเข้าทำรายการดังกล่าวก็มีความเป็นธรรม-เหมาะสม

บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน)  ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) ได้มีความเห็นเกี่ยวกับการได้มาซึ่งหุ้นสามัญของบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน)(APOT) ของบริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือTRC ว่า ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ มีความเห็นว่ามีความสมเหตุสมผลและเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ มากกว่าผลเสีย รวมถึงราคาของการเข้าทำรายการดังกล่าวก็มีความเป็นธรรมและเหมาะสม และผู้ถือหุ้นTRCควรลงมติเห็นชอบการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ในครั้งนี้

ทั้งนี้เนื่องจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระมีความเห็นว่าการเข้าทำรายการเพิ่มทุนตามสัดส่วนของ APOT มีความสมเหตุสมผล เพราะTRCมีโอกาสที่จะได้รับการลงนามในสัญญารับเหมาก่อสร้างที่ APOT เป็นผู้ว่าจ้างบริษัทฯ ในการดำเนินการก่อสร้าง (Letter of Award) ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 40,000 ล้านบาท ซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้แก่บริษัทฯ และสามารถสร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income) ในการขายแร่โพแทช ให้กับกลุ่มลูกค้าของโครงการซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ในระยะยาวและกระจายความเสี่ยงด้านรายได้ให้กับกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ

ทั้งนี้ผู้บริหารของบริษัทฯ คาดว่าจะได้รับงานรับเหมาช่วงจากผู้รับเหมาหลักของ APOT โดยคาดว่าจะได้รับเป็นมูลค่า 11,209.3 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 50ของงานส่วนบนผิวดิน (Surface Facilities) ของโครงการเหมืองแร่โพแทช หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 28 หากเทียบกับมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมดของโครงการเหมืองแร่โพแทช

โดยปกติแล้ว TRC ดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในการดำเนินการก่อสร้าง จะแบ่งได้เป็น 2แบบคือ 1. จะมีการก่อสร้างเองโดยบริษัทฯ หรือ 2. จะมีการจ้างผู้รับเหมาช่วงต่ออีกทอดหนึ่งแล้วแต่กรณี โดยหากก าหนดให้ผู้รับเหมาช่วงเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง

ส่วนบริษัทฯจะเป็นผู้ควบคุมดูแลในการบริหารโครงการ (project management) เท่านั้น เช่น กรอบระยะเวลาการทำงาน คุณภาพของงาน เป็นต้น ดังนั้น ที่ปรึกษาทางการเงินจึงมีความเชื่อมั่นว่าบริษัทฯมีศักยภาพเพียงพอที่จะรับงานขนาดใหญ่อย่างโครงการเหมืองแร่โพแทชของ APOT

นอกจากนี้ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระได้ทำการศึกษาโครงการได้ภายในกรอบระยะเวลาการลงทุนที่วางไว้โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือต้นทุนทางการเงินของการดำเนินโครงการจะต้องไม่เกินกว่าร้อยละ 8.10 (เป็ นการวิเคราะห์ความไว (Sensitivity Analysis) ของราคาราคายุติธรรมของหุ้นสามัญของ APOT

โดยใช้ตัวแปรเป็นอัตราดอกเบี้ย เพื่อหาอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ทำให้ราคายุติธรรมของหุ้นสามัญของ APOT นั้นต่ำกว่า 100.00บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาในการเข้าทา รายการในครั้งนี้)เนื่องจากราคายุติธรรมของหุ้น APOT นั้นจะมีมูลค่าต่ำกว่าราคาในการเข้าทำรายการครั้งนี้ที่100.00 บาทต่อหุ้นหาก APOT สามารถจัดหาแหล่งเงินทุนได้เพียงพอ ตามกรอบเวลาและมีต้นทุนทางการเงินอยู่ในกรอบตามที่กล่าวมาข้างต้น ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเห็นว่าการเข้าทำรายการได้มาซึ่งหุ้น APOT ในครั้งนี้ มีความสมเหตุสมผลและเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ มากกว่าผลเสีย รวมถึงราคาของการเข้าทำรายการดังกล่าวก็มีความเป็นธรรมและเหมาะสม

ทั้งนี้ การตัดสินใจลงคะแนนเสียงอนุมัติในการเข้าทำรายการในครั้งนี้อยู่ในดุลยพินิจของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ โดย ผู้ถือหุ้นควรศึกษาข้อมูลในเอกสารต่างๆ ที่แนบมากับหนังสือเชิญประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2566 ในครั้งนี้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของความเสี่ยง ข้อดี ข้อด้อย ของการท ารายการและการไม่ทำรายการ เพื่อใช้ในการ ประกอบการพิจารณาตัดสินใจลงมติได้อย่างเหมาะสม