ดาวโจนส์ทะยานกว่า 500 จุด ขานรับคาดการณ์เฟดหยุดวงจรขึ้นดอกเบี้ย

ดาวโจนส์ทะยานกว่า 500 จุด  ขานรับคาดการณ์เฟดหยุดวงจรขึ้นดอกเบี้ย

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพฤหัสบดี(2พ.ย.)พุ่งขึ้นกว่า 500 จุด ขานรับคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 564.50 จุด หรือ 1.70% ปิดที่ 33,839.08 จุด
  • ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 79.92 จุด หรือ 1.89% ปิดที่ 4,317.78 จุด
  • ดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 232.72 จุด หรือ 1.78% ปิดที่ 13,294.19 จุด

นักลงทุนส่งแรงซื้อกระจายทั่วตลาด ส่งผลให้หุ้นทุกกลุ่มปรับตัวขึ้น นำโดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 564.50 จุด หรือ 1.70% ปิดที่ 33,839.08 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 79.92 จุด หรือ 1.89% ปิดที่ 4,317.78 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 232.72 จุด หรือ 1.78% ปิดที่ 13,294.19 จุด

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 4.7% ในวันนี้

ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์จะช่วยเพิ่มกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากต่างประเทศ ส่วนการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น และช่วยลดต้นทุนการชำระหนี้ของบริษัทต่างๆ ทำให้บริษัทเหล่านี้สามารถเพิ่มการลงทุน และเพิ่มการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี

การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้งนับตั้งแต่ที่เริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25%

นักลงทุนเทน้ำหนักในการคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายในปีนี้ หลังจากที่เฟดประกาศคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดในการประชุมวานนี้

นอกจากนี้ ในถ้อยแถลงหลังการประชุมเฟดวานนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจยุติวงจรการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดที่สุดในรอบ 40 ปีแล้ว หลังจากที่คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งติดต่อกัน

"คำถามที่เราถามคือ 'เราควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกหรือไม่' ผมคิดว่าการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะช่วยให้เรารับรู้ได้ดีขึ้นว่าเราจำเป็นต้องทำอะไรมากขึ้นอีก" นายพาวเวลกล่าว

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 85.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนม.ค., มี.ค.และพ.ค.ของปี 2567 ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนมิ.ย.

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทแอปเปิ้ล อิงค์หลังจากปิดตลาดวันนี้ รวมทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันถัดไป

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 188,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 336,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.8% ในเดือนต.ค.