เปิดโผ 6 หุ้นอสังหาฯ ดัง จ่ายปันผลสูงเกิน 7%

เปิดโผ 6 หุ้นอสังหาฯ ดัง จ่ายปันผลสูงเกิน 7%

เปิดโผ 6 หุ้นอสังหาริมทรัพย์ดัง จ่ายปันผลสูงเกิน 7% "โบรก" เผย เป็นหุ้นกลุ่มที่แข็งแกร่ง จ่ายปันผลสูง หุ้น SIRI เงินปันผล YTD มากสุดที่ 8.45% ด้าน SENA อยู่ที่ 8.02%

สำหรับหุ้นปันผลสูง ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นกลุ่มต้นๆ ที่ถูกพูดถึง เนื่องจากในช่วงหลังหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นต่างๆ ของรัฐบาล ทำให้เศรษฐกิจเริ่มกลับมาขับเคลื่อนอีกครั้ง หลายบริษัทมีผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งบางบริษัทสามารถให้ “อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) อยู่ที่ระดับเกิน 7% ขึ้นไป

วทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย ให้ข้อมูลกับกรุงเทพธุรกิจว่า หุ้นปันผลในกลุ่มอสังหาฯ ส่วนใหญ่ค่อนข้างจะจ่ายปันผลได้ค่อนข้างสูง แต่ที่เด่นสุดจะเป็นหุ้น SPALI หุ้น AP และหุ้น LH ซึ่งทั้ง 3 หุ้นจะมีนโยบายที่สามารถทำกำไรได้ตามเป้า 

ทั้งนี้หากนักลงทุนต้องการมีหุ้นปันผลในกลุ่มอสังหาฯ ไว้ติดพอร์ต แนะนำเป็นหุ้น AP นอกจากมี Dividend แล้ว บริษัทยังมีความแข็งแกร่งไม่ผันผวนมาก ยิ่งช่วงเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน AP จึงถือว่า เป็นหุ้นอีกหนึ่งหลักทรัพย์ที่น่าจะเข้าไปลงทุนได้

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า หุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างผันผวน ราคาปรับลดลงมาเกือบทั้งกลุ่ม แต่ขณะนี้ราคาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้างแล้ว 

“AP มีการบ้านเดี่ยว ทาวเฮ้าส์ที่เป็นแนวราบได้อย่างรวดเร็ว และรับรู้รายได้ ได้เร็วมากกว่าที่อื่น ๆ ขณะที่ SPALI จะได้อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่า ซึ่งหุ้น 2 หลักทรัพย์นี้จะมีจุดแข็งไม่เหมือนกัน แต่ว่าทั้ง 2 หุ้นนี้มีลักษณะ Business Model ที่คล้าย ๆ กัน คือเน้นแนวราบเป็นหลัก และมีการกระจายไปหลายจังหวัดในประเทศไทย เพราะฉะนั้นเราคิดว่าในอนาคตจะมีการเติบโตได้ดี เพราะในเมืองเริ่มมีพื้นที่จำกัด” 

กรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน สายงานวิจัย บล.ซีจีเอส ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ต้องยอมรับว่าในไตรมาส 3/66 งบออกมาอาจจะไม่ค่อยสวยมากนักสำหรับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เพราะจากอัตราดอกเบี้ยที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น และหมดนโยบายการผ่อนคลายหลักเกณฑ์ LTV และที่สำคัญโครงการใหญ่ๆ เน้นเปิดในไตรมาส 4/66 เพราะฉะนั้นในไตรมาส 4/66 พรีเซลล์จะกลับมาเป็นบวกกลับมาได้ 

“เซกเตอร์นี้ต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี่้ย รวมถึงค่าแรงที่รัฐบาลจะมีการปรับขึ้่นจากต้นทุนที่น่าจะปรับเพิ่มขึ้นอีก 10% หรือ ที่ 400 บาท ในปีหน้า และ 700 บาท ในอีก 4 ปีข้างหน้า ตามแผนของรัฐบาล”

ฉะนั้นการเลือกหุ้นอสังหาริมทรัพย์ควรเลือกหุ้นที่เป็นโซนบน ที่เน้นขายคนที่มีกำลังซื้อมาก ๆ เพราะเมื่อมีค่าแรง 10% ตรงนี้เข้ามา อาจจะมีการปรับราคา และปันผลก็จะสามารถรักษาในระดับเดิมไว้ได้ เพราะต้องยอมรับว่าหุ้นอสังหาริมทรัพย์ถือว่า เป็นหุ้นที่แข็งแกร่งในด้านการจ่ายปันผล แม้จะไม่ได้มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด 

ทั้งนี้แนะนำนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อรับปันผลสูง ควรเลือกหุ้นที่เน้นกลุ่มลูกค้าโซนบน เช่น หุ้น SC เนื่องจากมีการขยายเข้าสู่ธุรกิจโรงแรมและคลังสินค้าเพื่อลดการพึ่งพาธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และกระจายฐานรายได้ และเพิ่มการเติบโตของรายได้ในระยะยาว ดังนั้นประมาณการรายได้ประจำหรือ recurring income จะคิดเป็น 7.8% ของรายได้ทั้งหมดในปี 2027 เทียบกับ 4.3% ในปี 2022

ทั้งนี้ “กรุงเทพธุรกิจ” ได้สำรวจหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่เงินปันผลสูงตั้งแต่ต้นปี 2566 เกิน 7% มีด้วยกัน 6 หลักทรัพย์ 

เปิดโผ 6 หุ้นอสังหาฯ ดัง จ่ายปันผลสูงเกิน 7%

 1.บมจ.แสนสิริ หรือ SIRI 

  • เงินปันผล YTD อยู่ที่ 8.45%
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ที่ 2.10 / 1.22 บาท 
  • P/E 4.34 เท่า
  • มาร์เก็ตแคป 27,188.97 ล้านบาท

2.บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ หรือ SENA 

  • เงินปันผล YTD อยู่ที่ 8.02%
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ที่ 4.30 / 2.56 บาท 
  • P/E 7.75 เท่า
  • มาร์เก็ตแคป 3,692.22 ล้านบาท

3.บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ หรือ LH

  • เงินปันผล YTD อยู่ที่ 7.74%
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ที่ 10.10 / 7.50 บาท 
  • P/E 13.14 เท่า
  • มาร์เก็ตแคป 92,610.28 ล้านบาท

4.บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง หรือ PSH

  • เงินปันผล YTD อยู่ที่ 7.62%
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ที่ 14.00 / 11.80 บาท 
  • P/E 7.92 เท่า
  • มาร์เก็ตแคป 27,575.16 ล้านบาท

5.บมจ.ศุภาลัย หรือ SPALI 

  • เงินปันผล YTD อยู่ที่ 7.43%
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ที่ 25.25 / 18.80 บาท 
  • P/E 4.95 เท่า
  • มาร์เก็ตแคป 38,084.55 ล้านบาท

6.บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI

  • เงินปันผล YTD อยู่ที่ 7.20%
  • ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ที่ 12.90 / 9.65 บาท
  • P/E 6.91 เท่า
  • มาร์เก็ตแคป 24,541.22 ล้านบาท