‘หุ้นเอเชีย’ ดิ่งทั้งภูมิภาค SET ร่วงกว่า 26 จุด หลุด 1,450 จุด กังวลบอนด์ยีลด์

‘หุ้นเอเชีย’ ดิ่งทั้งภูมิภาค SET ร่วงกว่า 26 จุด หลุด 1,450 จุด กังวลบอนด์ยีลด์

ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้ (3 ต.ค.66) ปรับตัวลดลงมาทำจุดต่ำสุดที่บริเวณ 1,443 จุด ลดลง 26.22 จุด ตามตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียร่วงลงอย่างหนัก หลังผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์ยิลด์) สหรัฐปรับตัวขึ้นแรง

ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียในช่วงเช้าวันนี้ (3 ต.ค.66) ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์ยิลด์) สหรัฐปรับตัวขึ้นแรง ส่งผลให้นักลงทุนพากันเทขายสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดหุ้นเพื่อปรับพอร์ตการลงทุน

  • ดัชนี Nikkei225 ของญี่ปุ่น ร่วงลง 1.37% 
  • ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกง ร่วงลง 3.02%
  • ดัชนี Weighted ของไต้หวัน ร่วงลง 0.20%
  • ดัชนี VNI ของเวียดนาม ร่วงลง 1.79% 
  • ดัชนี SET ของตลาดหุ้นไทย ร่วงลง 1.75%

โดยเช้าวันนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาทำจุดต่ำสุดที่บริเวณ 1,443 จุด ลดลง 26.22 จุด ก่อนรีบาวด์ขึ้นเล็กน้อยมาเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 1,448 จุด ลดลง 20.78 จุด ในช่วงเวลาประมาณ 11.00 น.

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้เปิดตลาดมามีบางช่วงจังหวะหลุดไปที่ระดับ 1,450 จุด เนื่องจากหากดูที่กราฟเทคนิคคอลมีการหลุดถอยลงมาเรื่อย ๆ แต่เมื่อหลุดลงไปแล้ว ยังมีโอกาสดึงสถานะกลับขึ้นมา 

ทั้งนี้ในช่วงเช้าเมื่อหุ้นปรับตัวถอยลงมา หุ้นที่เป็น Single Stock Futures (สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงราคาหุ้น) จะโดนทั้ง Margin และ Force close  Margin ด้วย เลยทำให้เป็นแรงกดดันเพิ่มเติมลงไป

อย่างไรก็ตาม มองว่า ช่วงบ่ายจะเห็นการดึงสถานะกลับขึ้นมาได้บ้าง เพราะว่า ถ้าลงไปถึง 1,450 จุด บวกลบเป็นจุดที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยค่อนข้างมาก แสดงว่าคนที่เข้าไปช็อตนั้นมีกำไรพอสมควรแล้ว 

นายณัฐพล กล่าวว่า สาเหตุการลดลงของดัชนีหุ้นไทย เกิดจากบอนด์ยีลด์ของสหรัฐไต่ระดับขึ้นไปค่อนข้างสูงแตะอยู่ที่ 4% และยังเห็นว่ามีการเร่งตัวขึ้นไม่หยุด นักลงทุนเลยยังมีความกังวลต่อภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะสูงขึ้นยาวนาน ส่งผลให้ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียร่วงลงมาบวกกับราคาน้ำมันที่ร่วงลงมาด้วยเช่นกัน

แนะนำนักลงทุนอาจจะมีการรอดูจังหวะก่อน แต่ถ้าจะเล่นลุ้นเด้ง หากอยู่ที่ระดับ 1,450 จุด ถือเป็นแนวรับ โดยเน้นลงทุนไปที่กลุ่มผลประกอบการจะออกมาดี 

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ภาพรวมในวันนี้ (23 ต.ค.66) ตลาดมีความกังวลหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้่ยของสหรัฐที่มีโอกาสจะอยู่ในระดับสูงอย่างนี้ไปอีกสักระยะหนึ่ง เนื่องจากเงินเฟ้อยังไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ประเมินไว้ ทั้งนี้การที่อัตราดอกเบี่้ยอยู่ในระดับสูงเป็นระยะเวลานาน ๆ จึงไม่เป็นผลดีกับตลาดหุ้น 

ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ต้องยอมรับว่าสัญญาณค่าเงินบาทมีการอ่อนค่าแรงมาก วันนี้อยู่ที่ประมาณ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ สาเหตุเกิดจากดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นมา ตามการที่เฟดมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี่้ยในระดับสูงต่อไป 

ส่วนอีกประเด็นที่ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า คือนโยบายเงินดิจิทัล 5.6 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่และต้องใช้เม็ดเงินค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นรัฐบาลจึงต้องหาแหล่งในการกู้เงิน เนื่องจากว่าปัจจุบันรัฐบาลเองไม่ได้มีเม็ดเงินในกระเป๋ามาก ทำให้ไม่เพียงพอต่อนโยบายดังกล่าว

ซึ่งคาดว่า รัฐบาลจะมีการออกพันธบัตรที่ค่อนข้างมากจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นตัวกดดันค่าเงินบาทในทางอ้อม ซึ่งส่งผลให้วินัยการคลังเสียไปด้วย

“เมื่อค่าเงินบาทอ่อนค่า Fund Flow ไหลออก ซึ่งประเด็นเหล่านี้เป็นตัวกดดันตลาดหุ้นบ้านเราในช่วงนี้อยู่ แต่ถ้ามองกลับกันตอนนี้ถือว่าหุ้นไทยไม่แพง ปรับตัวลงมา 1,450 จุด บวกลบ พีอีอยู่ที่ 14 -15 เท่าถือว่าไม่แพง ถือเป็นโอกาสเข้าไปสะสมได้หนึ่งไม้ โดยเข้าไปลงทุนเกาะกับธีมของรัฐบาลที่กระตุ้นเศรษฐกิจ เช่นกลุ่มค้าปลีก ท่องเที่ยว ธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับประโยชน์” 

‘หุ้นเอเชีย’ ดิ่งทั้งภูมิภาค SET ร่วงกว่า 26 จุด หลุด 1,450 จุด กังวลบอนด์ยีลด์