รัฐบาลยันไม่เก็บภาษีขายหุ้น เชื่อดันตลาดหุ้นไทยเทียบชั้นสิงคโปร์

รัฐบาลยันไม่เก็บภาษีขายหุ้น เชื่อดันตลาดหุ้นไทยเทียบชั้นสิงคโปร์

รัฐบาลยืนยันไม่เก็บภาษีขายหุ้น มั่นใจไม่กระทบการจัดเก็บรายได้ปีงบ 67 พร้อมดันตลาดหุ้นไทยเทียบชั้นสิงคโปร์

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแถลงยืนยันว่า กระทรวงการคลัง ยังไม่มีนโยบายจัดเก็บภาษีขายหุ้น ( Financial Transaction Tax)

การแถลงครั้งนี้ของกระทรวงการคลัง เป็นการตอบโต้ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล จากพรรคก้าวไกล ที่ระบุว่า ในแผนการคลังระยะปานกลางของกระทรวงการคลัง ระบุว่า  ประมาณรายได้ของกระทรวงการคลังในปีงบประมาณ 2567 จำนวน 1.4 หมื่นล้านบาท จะมาจากการจัดเก็บภาษีขายหุ้น

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า กระทรวงการคลัง ขอชี้แจงทิศทางของตลาดทุนไทย ที่กระทรวงต้องการเห็นคือ 1. อยากเห็นตลาดทุนไทยมีสภาพคล่องสูง และมีเสถียรภาพ 2.มีปริมาณการซื้อขายที่สูงและมีคุณภาพ  3.เป็นแหล่งดึงดูดนักลงทุน และบริษัทที่จะเข้ามาจดทะเบียน โดยในแง่ของนักลงทุนนั้น ตลาดทุนจะต้องเป็นที่น่าสนใจ มีความสามารถในการแข่งขัน และมีกฎระเบียบที่ผ่อนปรน เอื้อต่อการลงทุน  และในแง่ของบริษัทจดทะเบียนนั้น เราต้องการเห็นตลาดทุนไทย เป็นตลาดที่สามารถแข่งขันได้กับตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะแข่งขันได้กับตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์

4.เป็นตลาดที่มีต้นทุนการระดมทุนที่ต่ำ เป็นอิฐก้อนแรกในระบบเศรษฐกิจ เพราะถ้าบริษัทมีต้นทุนการเงินที่ต่ำ ก็จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัว

กระทรวงการคลัง จำเป็นต้องมีนโยบายต่อตลาดหุ้นที่เหมาะสม ดังนั้น กระทรวงการคลัง จึงยังไม่พิจารณา นโยบายการจัดเก็บภาษีขายหุ้น หรือ Capital gain tax   ซึ่งจะช่วยให้ตลาดเกิดความสบายใจและมีเสถียรภาพ

“เราต้องการให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สามารถเติบโต และเป็นอิฐก้อนแรกในระบบเศรษฐกิจสร้างระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยเอกชน” นายเผ่าภูมิ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการจัดเก็บภาษีขายหุ้น กระทรวงการคลังก็ยังเชื่อว่า ยังสามารถจัดเก็บรายได้ได้ตามเป้าหมาย โดยมาจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ และการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี โดยที่ยังไม่นับรวมผลกระทบจากนโยบาย Digital Wallet

เขาประเมินว่า นโยบาย Digital Wallet ของรัฐบาลที่คาดว่าจะนำมาใช้ในไตรมาสแรกของปีหน้านั้น จะเป็นการอันฉีดงบประมาณลงสู่ระบบเศรษฐกิจ 5.6 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลจะได้รับกลับมาจากเงินจำนวนนี้ที่หมุนอยู่ในระบบเศรษบกิจนั้นคือ รายได้ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้นิติบุคคล คาดว่ารัฐจะมีรายได้ภาษีกลับคืนมาจากนโยบายนี้ราว หนึ่งแสนล้านบาท

ด้านนายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า ในแผนการคลังระยะปานกลาง ปี 2576 ถึง 2570 ที่รัฐบาลได้เสนอเข้าครม.ไปแล้วนั้น กำหนดประมาณการรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2576 ไว้ที่ 2.787 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิม 3 หมื่นล้านบาท  โดยมีงบประมาณรายจ่าย 3.48 ล้านล้านบาท เป็นงบประมาณขาดดุล 6.93 แสนล้านบาท

เขากล่าวว่า ประมาณการรายได้ของปีงบประมาณ 2567 ที่ 2.787 ล้านล้านบาท ดังกล่าว ซึ่งในแผนการคลังระยะปานกลาง ระบุว่าจะมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีขายหุ้น 1.4 หมื่นล้านบาทนั้น  ซึ่งตามพรบ.วินัยการเงินการคลังปี 2561 ระบุให้หน่วยงานของรัฐ สามารถทบทวนแผนการดังกล่าวได้ว่าเหมาะสมหรือไม่

ทั้งนี้รัฐบาลประยุทธ์ได้ผลักดัน ภาษีขายหุ้น โดยผ่านการอนุมัติจากครม.แล้ว แต่ได้รับการคัดค้านจากตลาดหุ้น ทั้งนี้ภาษี FTT ซึ่งเป็นภาษีหัก ณ ที่จ่าย คิดในอัตรา 0.1 % และเมื่อรวมกับภาษีท้องถิ่น ที่จัดเก็บในอัตรา 10 % ของ 0.1 %  จะทำให้มีภาระภาษีรวม 0.11 %