ตลาดทุนหนุนยกระดับ ‘อัลกอริทึม’ ตลท.อัปเกรดเทียบสากล KKP ชี้เป็นเทรนด์โลก

ตลาดทุนหนุนยกระดับ ‘อัลกอริทึม’ ตลท.อัปเกรดเทียบสากล KKP ชี้เป็นเทรนด์โลก

​“เกียรตินาคินภัทร” ชี้ระบบเทรด “อัลกอริทึม’ กำลังเป็นเทรนด์ใหม่โลก และไทย เชื่ออนาคตหนุนตลาดทุนเติบโต ด้าน “ตลท.” พร้อมยกระดับทัดเทียมมาตรฐานสากล ฟาก “โบรกเกอร์” ยอมรับต้องเร่งปรับตัว และเรียนรู้เทคโนโลยี เพื่อพัฒนาต่อยอดสู่การซื้อขายในรูปแบบใหม่ๆ ต่อไป

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการพัฒนาของเทคโนโลยี กำลังเข้ามากระทบ “ตลาดทุน” ทั่วโลกรวมถึงไทย และหนึ่งในนั้นคือ การมาของ “การส่งคำซื้อขายหลักทรัพย์” โดยมีโปรแกรมคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วย หรือ “Automated Trading” นับเป็นพัฒนาการของการซื้อขายหลักทรัพย์อีกรูปแบบหนึ่ง มาพร้อมกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการเพิ่มขึ้นของข้อมูลต่างๆ

ทั้งนี้ พัฒนาการนี้ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตลาดในภาพรวมผ่านการเพิ่มขึ้นของสภาพคล่อง และความหลากหลายของผู้เล่นในตลาดทุน และยังช่วยลดต้นทุนธุรกรรมของการซื้อขายหลักทรัพย์ , ลดต้นทุนในการลงทุนของนักลงทุนโดยทั่วไป และลดความผันผวนในระยะสั้นได้ในภาวะปกติของตลาดทุน

ล่าสุด “บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร” (KKP) ร่วมกับ “กรุงเทพธุรกิจ” จัดงานในหัวข้อ “THE ROLE OF TECHNOLOGY IN ELECTRONIC TRADING GLOBAL PERSPECTIVES” เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันพัฒนาการของตลาดทุนไทย โดยเฉพาะประเด็นการเข้ามาของระบบ Automated Trading ในครั้งนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ สะท้อนผ่านมุมมองของผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมดังกล่าว

นายศุภโชค ศุภบัณฑิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บล. เกียรตินาคินภัทร (KKP) กล่าวว่า การมาถึงของเทคโนโลยีคงปฏิเสธไม่ได้ โดยเฉพาะบทบาทของ Automated Trading ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หากดูสถิติย้อนหลังในปี 2555 สัดส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 10% แต่ในปี 2565 สัดส่วนเพิ่มเป็น 31% หรือ เพิ่มขึ้น “3 เท่าตัว” ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งพัฒนาการที่เห็นไม่ได้แตกต่างจากตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ทั่วโลก โดยตลาดหุ้นหลายแห่งในต่างประเทศตัวเลขอาจจะสูงยิ่งกว่าของไทย เช่น ประเทศญี่ปุ่นสัดส่วนอยู่ที่ 45%

นายศุภโชค กล่าวว่า ด้วยขนาดของความเปลี่ยนแปลงนี้ ในฐานะที่อยู่ในอุตสาหกรรมทาง KKP จึงเห็นความสำคัญของการที่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายจะได้มาร่วมกันพิจารณาถึงนัย และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เพื่อจะได้ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับตลาดทุน โดยเฉพาะการสนับสนุนให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีความเป็นธรรม , เป็นระเบียบ และโปร่งใส (Fair, Orderly and Transparent)

ตลาดทุนหนุนยกระดับ ‘อัลกอริทึม’ ตลท.อัปเกรดเทียบสากล KKP ชี้เป็นเทรนด์โลก

‘เนชั่น’ พร้อมเป็นสื่อกลางสร้างการเรียนรู้ถูกต้องทุกภาคส่วน

​นายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ NATION กล่าวว่า ระบบเทคโนโลยีการเทรดแบบ Algo Trading กำลังเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจกับคำถามที่ว่า Algo Trading เป็นการเอาเปรียบตลาดทุนจริงหรือไม่ ซึ่งในฐานะองค์กรสื่อก็อยากเป็นสื่อกลางในการสร้างการรับรู้ และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อให้ประชาชน และนักลงทุนทุกภาคส่วนได้รับข้อมูลกระจ่างชัด และครบถ้วนก่อนตัดสินใจ

โดยทุกภาคส่วนอยากจะเห็นสังคม , อุตสาหกรรม และตลาดทุน มีพัฒนาการมีความก้าวหน้า แต่คงไว้ซึ่งความเป็นธรรมแก่นักลงทุนทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนไทย-ต่างประเทศ-รายย่อย-รายใหญ่ หรือแม้แต่กองทุนที่ใช้ Algo Trading ซึ่งสิ่งสำคัญนักลงทุนต้องเปิดใจยอมรับกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามา และให้โอกาสสิ่งใหม่ที่ไม่รู้จัก

‘ดร.ประสาร’ ชี้เป็นประโยชน์ต่อตลาดทุนไทย

ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า การมาของเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ (Algo Trading) ถือเป็นประโยชน์ต่อตลาดทุนไทยหลายประการ ทำให้นักลงทุนส่งคำสั่งซื้อขายในต้นทุนที่ถูกลง หากไม่สามารถไปหาโบรกเกอร์ได้ก็สามารถดำเนินการผ่านระบบเทรดด้วยอิเล็กทรอนิกส์ได้

​ตัวอย่างเช่น ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ทุกอย่างถูกชัตดาวน์ทั้งหมด แต่ตลาดหุ้นยังอยู่ได้ เนื่องจากมีการซื้อขายผ่านระบบเทรดอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งแน่นอนว่าการเทรดด้วยอิเล็กทรอนิกส์ก็จะตามมาด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะนำเข้ามาซื้อขายได้

​สำหรับในมุมของการลงทุน Algo Trading ก็มีความแตกต่างกันในแต่ละกลุ่มผู้เล่นในตลาด โดยนักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่ไม่ได้แข่งกับการเทรดด้วยเทคโนโลยีดังกล่าว เพราะส่วนใหญ่ลงทุนโดยอ้างอิงกับปัจจัยพื้นฐาน หรือถือครองหุ้นระยะยาว ไม่ได้ มุ่งหวังทำกำไรด้วยความเร็วในกรอบเวลาสั้นๆ ดังนั้นแทบจะไม่ได้รับผลกระทบทางลบจากเทคโนโลยีดังกล่าวเลย

ขณะที่ สำหรับนักลงทุนประเภทแบบ High-Frequency Trading การลงทุนแบบ Algo Trading อาจจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อนักลงทุนกลุ่มนี้ที่ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเก็งกำไรในกรอบเวลาเพียงไม่กี่วินาทีจากการขยับขึ้นลงของราคาซื้อขาย และกระจุกตัวในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ นักลงทุนกลุ่มที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวทุกคนอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ และมาตรฐานเดียวกัน โดยกรรมการกลางหรือ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สมควรที่จะมีการกำหนดกฎกติกาให้ไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกันสำหรับนักลงทุนประเภทเดียวกัน

ดังนั้น มองว่าการมาของเทคโนโลยีจะเป็นประโยชน์ต่อตลาดทุนไทย ช่วยลดต้นทุน เพียงแต่ว่าหัวใจสำคัญ คือ กรรมการกลางต้องเป็นธรรม เปรียบเหมือนการเล่นกีฬาที่ต้องใช้กติกาเดียวกัน ซึ่งปัจจุบัน ตลท. กำลังพยายามยกระดับให้อยู่ในระดับสากล และเป็นที่น่าเชื่อถือ​

‘ดร.ภากร’ สนับสนุนมาตรการ การซื้อขายเท่าเทียมกัน

ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ในส่วนของตลาดหลักทรัพย์ฯ มีนโยบายที่สนับสนุนนักลงทุนทุกประเภทอยู่แล้ว ซึ่งการเทรดแบบ Algo Tradingก็เป็นการซื้อขายประเภทหนึ่ง ดังนั้น ทั้งนักลงทุนรายย่อย-สถาบัน-ต่างชาติ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ความสำคัญเท่ากันหมด เพราะตลาดหลักทรัพย์ฯ มองว่าสัดส่วนของนักลงทุนในตลาดทุนควรจะมีความหลากหลาย

สำหรับ ในส่วนที่เป็นการเทรด Algo Trading จะเห็นได้เลยว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้นำเครื่องคอมพิวเตอร์มาวางใกล้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งเราพยายามทำทุกอย่างใกล้เคียงกันหมดเพื่อไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกัน

อย่างไรก็ตาม มองว่าทุกๆ วิธีในการซื้อขายหุ้นมีผลกระทบกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่เหมือนกัน ทั้งเวลาซื้อขาย หรือ แม้แต่คุณสมบัติของหุ้นก็ไม่เหมือนกัน ซึ่งสิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ความสำคัญคือ การใช้ Algo Trading มีความเหมาะสมไหมในช่วงเวลา และสภาพคล่องของหุ้นตัวนั้น โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีการดูแลติดตามเรื่องดังกล่าวตลอด ดังนั้น อยากจะให้นักลงทุนมีความมั่นใจว่าสิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ความสำคัญ คือ การอยากให้ตลาดมีสภาพคล่องที่เหมาะสมมีการซื้อขายที่เหมาะสม จะมีการใช้เทคโนโลยี และสิ่งที่มีมาตรฐานอยู่ด้วยกันมากที่สุด

‘นายกสมาคม บล.” แนะโบรกเกอร์ปรับตัวรับเทคโนโลยีใหม่

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย และกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง (BLS) กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าตลาดทุนทั่วโลกรวมทั้งไทย ถูกเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งในเมืองไทยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะระบบการเทรดโดยใช้เครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเข้ามามีบทบาทได้ระยะหนึ่งแล้ว เพียงแต่ว่าปัจจุบันมีสัดส่วนมากขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้น เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการ (โบรกเกอร์) และนักลงทุน ต้องศึกษา และเข้าใจเทคโนโลยีดังกล่าว ซึ่งการเข้ามาของระบบเทคโนโลยีการเทรดแบบ Algo Trading ทำให้ตลาดทุนมีการเปลี่ยนแปลง

“ในการส่งคำสั่งซื้อขายผ่านเทคโนโลยีก็จะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งระบบเทคโนโลยีกลายเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งผู้ประกอบการ และนักลงทุนก็จะมีหลายๆ รูปแบบ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนจะต้องเข้ามาให้ความใส่ใจ”

Dr Lin Chih Hung. Chief Operating Officer, Kgi Securities Thailand PLC. กล่าวว่า ในมุมมองการแข่งขันของตลาดทุนไทยนั้นมองว่าตลาดทุนไทยเป็นหนึ่งในสถาบันที่ดีมากในแง่ของการแข่งขัน รวมทั้งยังเรียนรู้บทเรียนจากตลาดทุนทั่วโลกเพื่อปรับใช้ภายในประเทศด้วย สำหรับการซื้อขายหุ้นในไทย นักลงทุนส่วนหนึ่งซื้อขายภายใต้การตัดสินของตัวเอง ในแง่ของเวลาไหนจะเข้าซื้อ หรือเวลาไหนจะออก ซึ่งบางครั้งการตัดสินใจซื้อขายของนักลงทุนก็มีการใช้อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น การซื้อขายหุ้นผ่าน Algo Trading จึงมีบทบาทสำคัญในการลดช่องว่างของการใช้อารมณ์ได้

อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าผู้คนในตอนนี้อาจมีความเข้าใจผิดเล็กน้อยเกี่ยวกับการซื้อขายด้วย Algo Trading ว่าจำกัดเฉพาะหุ้นเท่านั้น เพราะการซื้อขายสามารถเป็นหลักทรัพย์อะไรก็ได้ ขอแค่มีสัญญาณตรงกับเงื่อนไขที่ตั้งไว้ ก็จะเกิดการแมตช์คำสั่งซื้อขึ้นมา และการซื้อขายด้วย Algo Trading จำนวนมาก ด้วยเวลาเพียงเสี้ยววินาที

โดยเมื่อดำเนินการซื้อขายแบบ Algo Trading แบบนี้ สิ่งที่ดีก็คือ ระเบียบวินัยในการซื้อขายจะดีขึ้นมาก เพราะในอดีตเทรดเดอร์มักจะมีความกระตือรือร้นในการทำกำไรให้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ แบบไม่มีวินัยเพราะใช้อารมณ์มาเกี่ยวข้อง เพราะพวกเขาคิดว่าสามารถสร้างโบนัสได้มากขึ้นหากพวกเขายังซื้อขายต่อไป ตลาดทุนหนุนยกระดับ ‘อัลกอริทึม’ ตลท.อัปเกรดเทียบสากล KKP ชี้เป็นเทรนด์โลก

 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์