ดีเดย์นโยบายครม. " หุ้นไฟฟ้า – พลังงาน" เผชิญแรงกดดัน

ดีเดย์นโยบายครม. " หุ้นไฟฟ้า – พลังงาน" เผชิญแรงกดดัน

ประเดิมประชุมครม. เศรษฐา 1 นัดแรก “นโยบายลดค่าครองชีพ “ ที่ประชาชนเฝ้ารอจะทำได้จริงแต่ด้วยกลไกอะไร ยิ่งชาวหุ้นไม่ต้องพูดถึงเกาะติดหุ้นรายตัวที่ได้ผลบวกและลบกันต่อเนื่องตั้งแต่เห็นโฉมหน้ารัฐบาลเพราะราคาหุ้นขึ้นและลงมารอรับข่าวล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว

       เบื้องต้นการดำเนินการนโยบายทั้งลดค่าน้ำ –ค่าไฟ –ค่าน้ำมัน รวมไปถึงฟรีวีซ่าเริ่มนักท่องเที่ยวจีนเริ่มต้น 1 ต.ค.นี้ สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณเพิ่ม ผ่านกลไกที่มีอยู่แล้ว จึงทำให้เป็นไปได้สูงที่จะประชุมและประกาศออกมาได้ภายในการประชุมนัดแรก

      แตกต่างจากนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท  ที่ต้องมีงบประมาณมารองรับ 5.6 แสนล้านบาท แม้จะมีการดำเนินการผ่านระบบบล็อกเชน แต่จำเป็นต้องมีงบประมาณในส่วนนี้รองรับ  "ซึ่งปัญหาคือมาจากไหน เป็นประเด็นกดดันไปในตัว"

       เนื่องจากการตั้งงบประมาณประจำปี 2567 ของรัฐบาลใหม่ที่เข้ามารับตำแหน่งไม่ทันจากกระบวนการล่าช้าจับขั้วรัฐบาลและโหวตนายก รมต. จึงทำให้ต้องไปเลือกพิจารณางบประจำปีลากยาวไปถึงปลายปี 2566

       สอดคล้องตามที่นายกรมต. และรมต.กระทรวงการคลัง  “เศรษฐา ทวีสิน” การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) 13 ก.ย. นัดแรก จะมีหลายประเด็นเกี่ยวกับนโยบายหลัก ไม่ว่าเป็นเรื่องการลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน ฟรีวีซ่า และอีกหลายเรื่อง

      ส่วนจะมีเรื่องเซอร์ไพร์สประชาชนตั้งแต่การประชุมครั้งนี้มีแต่นโยบายและหลายๆเรื่องที่จะตอบโจทย์สิ่งที่แถลงนโยบายไปบ้างเบื้องต้น และหลายๆ พรรคการเมืองที่มาร่วมรัฐบาลได้เสนอนโยบายให้กับประชาชนพยายามทำให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด

สำหรับนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท  จ่ายผ่านระบบบล็อกเชน จะสามารถแก้ปัญหาเรื่องการทุจริตการใช้จ่าย อย่างกรณี 10,000 บาท แต่ร้านค้าให้เงินสด 9,000 บาท เหมือนเป็นการหักหัวคิว

      “การลดค่าไฟจะลดในราคาที่ประชาชนรู้สึกได้เพราะหลังคุย รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลังมีหลายเรื่องที่จะต้องทำ และระหว่างฟังการแถลงนโยบายไม่ได้ไปไหน จะอยู่จนถึงปิดการประชุมระหว่างทางจะมีการเชิญเจ้าหน้าที่เข้ามาสั่งการ พูดคุย เรื่องที่ในสภาได้ให้ข้อคิดและความเป็นห่วงไว้จะพยายามเข้าไปทำงานหลังบ้าน ซึ่งบางส่วนชี้แจงได้ก็จะชี้แจงให้ได้มากที่สุด”

     บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี พัฒนสิน  คาดการแถลงนโยบายต่อสภาของรัฐบาลใหม่ยังไม่มีรายละเอียด  ไม่ว่าจะเป็นแนวทางนโยบายเร่งด่วน (Digital  Wallet) ซึ่งหากดำเนินการเป็นบวก CPAXT,  DOHOME,  GLOBAL, ADVANC, BE8, JMT,    MTC    (Trading),  การลดภาระค่าพลังงาน   (ตั้งรับ) GULF, การพักหนี้เกษตรกร  (+)  MTC(Trading), JMT, เร่งภาคท่องเที่ยว(+) AOT,  ERW,  CENTEL 

      ส่วนเรื่องใหม่ที่ดูเหมือนจะเป็นนโยบายเร่งด่วนเพิ่มเติมคือ  รถไฟฟ้า  20  บาทตลอดสาย  จะเริ่มทำทันที  โดยจะรวบรวมสัมปทานเส้นทางเดินรถไฟฟ้าของเอกชนทุกสายมาเจรจาคาดใช้เวลา  6  เดือน 

       ขณะที่เส้นทางที่เก็บค่าโดยสารโดยรัฐบาล (จ้างเอกชนเดินรถ)อาทิ สีแดง (ตลิ่งชัน -รังสิต) สีม่วง (บางซื่อ-คลองบางใหญ่) จะดำเนินการได้ก่อน มองบวกต่อกลุ่มรถไฟฟ้า BTSGIF,  BTS,  BEM ที่ผู้โดยสารเส้นหลัก(เก็บค่ำโดยสารเอง) จะเพิ่มขึ้นจากการผู้ใช้บริการสายสีแดง  สีม่วงเพิ่ม

       การพักหนี้ซึ่งกระทรวงการคลังได้เริ่มทำางานหาแนวทางหนี้เกษตรจะดำเนินการผ่าน ธ.ก.ส.เป็นเวลา 3 ปี คาดดำเนินการต่อ  คือ การช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้ SME และเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจาก COVID และกลุ่มลูกหนี้ที่กู้สินเชื่อรถยนต์

      ส่วนนโยบายระยะกลาง-ยาวเช่น  เปิดประตูการค้า FTA  การพัฒนา S  Curve ใหม่ อาทิ อุตสาหกรรมสีเขียว  เทคโนโลยีขั้นสูง Start-Up และลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน บวก CK,   STEC, WHA,    AMATA  การสร้างรายได้เกษตรกรรม  เน้นความต้องการตลาดนำ บวกCPAXT, DOHOME, GLOBAL และ E-Government บวก BE8, BBIK   

       นอกจากนโยบายลดค่าครองชีพยังมีการกะตุ้นท่องเที่ยวหลังยอดผู้ใช้บริการเดินทางสู่ต่างประเทศผ่านสนามบิน  AOT วันที่ 1-9 ส.ค. มีสัดส่วน  72.9% ของฐานผู้ใช้บริการก่อน COVID  (ก.ย.  2562)  แม้เพิ่มขึ้นจาก ส.ค. 2566  ที่อยู่ 71.2% แต่เกิดจากฐาน  ก.ย.  2562 ที่ต่ำกว่า  ส.ค. 2562  หากคิดย้อนกลับนักท่องเที่ยว  ก.ย. 2566  ประเมินราว  2.1  ล้านคน  (ชะลอลง-14.8%m-m ในส.ค.)

        ภาพดังกล่าวเป็นเหมือนทุกปีที่ก.ย. มักเป็นจุดต่ำสุดลำดับ 2 ของปีรองจาก พ.ค.โดยใน ก.ย. 2566  มีแนวโน้มลดลง m-m ต่ำกว่าระดับเฉลี่ยย้อนหลังปี 2559-2562 ที่ -17.4%m-m ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวงวด 9เดือนปี 2566  ที่มีแนวโน้มอยู่ราว 20 +/-ล้านคนรวมงวดไตรมาส 4ปี 2566

         มองมีโอกาสกลับมาเร่งขึ้นในระดับสูง จากการทยอยมาตรการฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน (มีผล 1 ต.ค.) ตามด้วยอินเดีย จึงยังเชื่อนักท่องเที่ยวปี 2566 จะไม่ต่ำกว่า Consensus มอง  28-30  ล้านคนและเชื่อว่าการเร่งกระตุ้นต่อเนื่องระยะกลาง-ยาวมีโอกาสหนุนนักท่องเที่ยวก้าวผ่านระดับ  39.4  ล้านคนในปี 2562 ได้เร็วกว่าตลาดคาด ยังมองบวกต่อ AOT, ERW, CENTEL