นโยบายตรง “เสรีน้ำมัน” กระทบยักษ์ใหญ่หุ้นพลังงาน

นโยบายตรง “เสรีน้ำมัน”  กระทบยักษ์ใหญ่หุ้นพลังงาน

ทันทีที่ ครม. “เศรษฐา 1” ได้รับการแต่งตั้งโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ 1 ก.ย.66 และเตรียมที่จะประชุม ครม. นัดพิเศษ วันที่ 6 ก.ย.66 นี้ท่ามกลางการจับตามองนโยบายตามที่พรรครัฐบาลได้หาเสียงเอาไว้ ยิ่งพรรคเพื่อไทยที่ขายนโยบายลดค่าครองชีพทันทีที่เข้าบริหารประเทศ

       ดังนั้นนโยบายลดค่าครองชีพ ทั้ง ค่าไฟ, ราคาพลังงาน เช่น ก๊าซหุงต้ม ,LPG และปรับลดราคาหน้าโรงกลั่น  พร้อมกับการออกมาระบุถึงแนวทางดำเนินการจากเจ้ากระทรวงพลังงาน “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค”

          เรื่องเร่งทำคือ ราคาน้ำมัน และค่าไฟฟ้า ซึ่งมีองค์ประกอบของราคาหลายอย่าง เช่น ภาษี ค่าการตลาด ภาระการเงิน เงินกู้ และอีกหลายเรื่องที่มาประกอบกัน  บางองค์ประกอบเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ต้นทุนของก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า หรือต้นทุนราคาน้ำมันดิบ เป็นต้น

         ดังนั้นสิ่งที่สามารถดำเนินการได้คือ โครงสร้าง และองค์ประกอบที่มารวมกันจนเป็นราคาพลังงาน ที่ต้องดูว่าส่วนไหนที่สามารถปรับลดลงได้ ก็จะทำทั้งหมด และเมื่อค่าใช้จ่ายลดลง ราคาของพลังงานต่างๆ ก็จะสามารถปรับลดลงได้ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม และเป็นธรรมกับประชาชน

ขณะเดียวกัน ยังมองถึงเรื่องน้ำมันราคาถูกพิเศษสำหรับประชาชนบางกลุ่ม เช่น ชาวประมง สามารถซื้อน้ำมันที่เรียกว่า น้ำมันเขียวในราคาพิเศษ จึงเห็นว่าน่าจะดำเนินการเช่นเดียวกันนี้กับกลุ่มอื่นๆ ด้วย เช่น กลุ่มเกษตรกร เป็นต้น

        หากแต่อีกแนวทางสะเทือนธุรกิจพลังงานในไทย “ ควรให้เสรีในการหาน้ำมันสำเร็จรูป”  ที่ไม่ใช่การนำน้ำมันดิบเข้ามากลั่นจนทำให้มีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ควบคุมลำบาก แต่หากเป็นการนำน้ำมันสำเร็จรูปที่ไม่ต้องมีค่าการกลั่น หรือค่าใช้จ่ายอื่น เพราะราคาทุกอย่างคำนวณจบแล้ว และถ้าหากใครสามารถนำพลังงานราคาถูกเข้ามาได้ ก็ควรเปิดโอกาสให้ทำได้ โดยภาครัฐควรจะเป็นผู้กำกับดูแลให้การจัดหาพลังงานเป็นไปโดยสะดวก และรวดเร็ว ไม่ใช่วางกฎกติกาจนทำไม่ได้

       แม้เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องกระทบธุรกิจของบริษัทที่เกี่ยวข้อง แต่ รมต.พลังงาน ระบุ เป็นเรื่องของเอกชนไม่ใช่เรื่องของกระทรวง แต่กระทรวงพลังงาน มีหน้าที่กำกับดูแล ให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมถูกต้อง และเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าถึงการจัดหาพลังงาน หาน้ำมัน หาเชื้อเพลิงมาใช้ได้อย่างเสรี

โดยต้องไม่ปิดกั้น ต้องให้โอกาสเพื่อให้ราคาถูกลง เป็นการช่วยลดต้นทุน ซึ่งถ้าสามารถลดต้นทุนในส่วนนี้ลงได้ ค่าครองชีพก็จะลดลงตาม นี่คือ ภารกิจของกระทรวงพลังงาน ไม่ใช่การทำธุรกิจ !!!

     เมื่อส่องดูกลุ่มธุรกิจพลังงานที่ยกให้เป็นยักษ์ใหญ่หนีไม่พ้นกลุ่ม PTT  ที่ดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ธุรกิจไฟฟ้า และไลฟ์สไตล์หรือ นอนออยล์ รวมบริษัทอยู่ในตลาดหุ้นมีมูลค่ามาร์เก็ตแคปมากถึง 2.3 ล้านล้านบาท ( 4 ก.ย. 2566)

       ที่ผ่านมาการเข้ามาช่วงเกี่ยวกับธุรกิจแบบตรงๆ ไม่มีให้เห็น แต่ทางอ้อมมีผลไม่น้อย สะท้อนจากช่วงราคาน้ำมันพุ่งสูงปี 2565  กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบรัฐบาลช่วงนั้น

      PTT มีมติอนุมัติเงินสนับสนุนเข้ากองทุนน้ำมันฯ เป็นกรณีพิเศษเดือนละ 1,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 เดือน รวม 3,000 ล้านบาท  ขณะที่กลุ่มโรงกลั่น ให้ความร่วมมือนำส่งค่าการกลั่นส่วนเกินจากอัตราปกติ เข้ากองทุนน้ำมันฯ ทั้ง TOP, IRPC, PTTGC, BCG, ESSO, SPRC จะจ่ายเงินอุดหนุนน้ำมันเป็นเวลา 3 เดือน ประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน

        รัฐบาลปัจจุบันแม้จะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องหรือล้วงลูกโดยตรงแต่ผลกระทบย่อมหนีไม่พ้น บริษัทหลักทรัพย์  (บล.)  ไอร่า แนวโน้มการออกนโยบายลดราคาพลังงานของรัฐบาลชุดใหม่ คาดจะเกี่ยวกับการปรับภาษี, ค่าการตลาด, ภาระทางการเงิน รวมทั้งยังส่งสัญญาณจะนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป    ซึ่งคาดว่าหุ้นในกลุ่มพลังงาน   PTTEP   โรงไฟฟ้า   GULF, BGRIM และ GPSC   โรงกลั่นTOP, BCP  และ SPRC  จะได้รับผลกระทบเชิงลบ กดดันทิศทางหุ้นในกลุ่มดังกล่าวปรับตัวลงถ่วงตลาดได้ต่อ

       บล. ฟินันเซีย ไซรัส  กลุ่มโรงไฟฟ้าข่าวการปรับลดค่าไฟฟ้าจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อหุ้นกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าโดยเฉพาะโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่ขายไฟให้กับเอกชนและภาคอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน

        โดยคาดค่าไฟที่รัฐบาลจะปรับลงน่าจะไม่เกิน 30 สตางค์ต่อหน่วย จากค่าไฟงวดปัจจุบันอยู่ที่ 4.45 บาทต่อหน่วย เนื่องจากปัจจัยรัฐบาลได้จัดเก็บค่าไฟฟ้ากลับคืนให้ EGAT ประมาณ 38 สตางค์ต่อหน่วย  หากรัฐบาลต้องการปรับลดค่าไฟฟ้าเชื่อว่าน่าจะนำส่วนนี้มาอุดหนุนค่าไฟฟ้าต่อและ

       จากการศึกษาความอ่อนไหวของกำไรต่อการปรับค่าไฟฟ้าดังกล่าวโดยสมมุติให้ราคาก๊าซไม่เปลี่ยนแปลง  คาดกำไรของ GULF น่าจะได้รับผลกระทบต่ำที่สุด เนื่องจากรายได้ส่วนมากมาจากโรงผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ซึ่งมีรายได้จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่มีข้อตกลงให้ส่งผ่านต้นทุนได้  

       อย่างไรก็ดีกำไรของ   BGRIM และ BCPG จะมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของค่า Ft จากสัดส่วนที่สูงกว่าของกำลังการผลิตที่ขายในราคาที่คิดจากค่า Ft

 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์