มาร์เก็ตแคป VinFast แซง Benz-Volkswagen หลังหุ้นเหวี่ยงหนัก จาก Free Float ต่ำ

มาร์เก็ตแคป VinFast แซง Benz-Volkswagen หลังหุ้นเหวี่ยงหนัก จาก Free Float ต่ำ

VinFast กลายเป็นบริษัทในสหรัฐที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดอันดับ 3 ด้วยมูลค่า 1.9 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.3 ล้านล้านบาท) เป็นรองเพียง Tesla และ Toyota เหตุหุ้นผันผวนหนักดันราคาขึ้นเร็ว เพราะ Free Float ต่ำเพียง 1% จากทั้งหมด 2.3 พันล้านหุ้น หวั่น ! ราคาร่วงหนักทำรายย่อยเจ็บตัว

ตั้งแต่ VinFast Auto Ltd. แบรนด์รถรถไฟฟ้า (อีวี) สัญชาติเวียดนามเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐเมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมาด้วยวิธี SPAC (Special Purpose Acquisition Company) หุ้นบริษัทดังกล่าวก็ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงกว่า 668% ณ วันที่ 29 ส.ค.

โดย หากอ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์อินเวสติง พบว่า ณ วันที่ 30 ส.ค.66 เวลา 11.00 น. หุ้น VinFast มีมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ในตลาดรถยนต์โลกที่ 1.9 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.3 ล้านล้านบาท) เป็นรองเพียงมาร์เก็ตแคปของเทสลาซึ่งอยู่อันดับ 1 ที่ 8.14 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 26.9 ล้านล้านบาท) และมาร์เก็ตแคปของโตโยต้าซึ่งอยู่ในอันดับ 2 ที่ 2.28 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7.5 ล้านล้านบาท)

มูลค่าตลาด VinFast ในสหรัฐเป็นรองเพียง Tesla และ Toyota เท่านั้น

 

 

ส่วนมาร์เก็ตแคปของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อยู่ในอันดับที่ 4 ที่ 7.88 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.6 ล้านล้านบาท) และมาร์เก็ตแคปของโฟล์คสวาเกนในอันดับ 5 อยู่ที่ 7.02 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.32 ล้านล้านบาท)

ขณะที่รายได้ของโตโยต้าอยู่ที่ 39.21 ล้านล้านดอลลาร์, วินฟาสต์อยู่ที่ 13.06 ล้านล้านดอลลาร์, โฟล์คสวาเกน อยู่ที่ 3.0328 แสนล้านดอลลาร์, เมอร์เซเดส-เบนซ์ อยู่ที่ 1.5448 แสนล้านดอลลาร์ และรายได้ของเทสลา อยู่ที่ 9.403 หมื่นล้านดอลลาร์ 

อย่างไรก็ตาม บทวิเคราะห์ของสำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) ระบุว่า

แม้ว่าหุ้นวิสฟาสต์จะปรับตัวสูงขึ้นจริง แต่หุ้นดังกล่าวมี Free Float ต่ำมาก ดังนั้นจึงส่งผลให้หุ้นผันผวนสูงเช่นกัน โดยราคาปรับตัวต่ำลงมากกว่า 14% ทั้งหมด 11 เซสชั่น จากทั้งหมด 12 เซสชั่นของการซื้อขายที่ผ่านมา

โดย บริษัท Vingroup ของฝ่าม เญิ้ต เวือง (Pham Nhat Vuong) มหาเศรษฐีชาวเวียดนาม ถือหุ้นวิสฟาสต์อยู่ทั้งหมด 99.7% ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า เญิ้ต เวือง เป็นผู้ควบคุมบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าดังกล่าวเกือบ 100%

อย่างไรก็ดี บทวิเคราะห์ “VinFast’s 400% Surge Is an Anomaly for Beaten-Down SPAC Industry” ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ระบุว่า

การปรับตัวขึ้นของหุ้นวิสฟาสต์หลายร้อยเปอร์เซ็นต์ตั้งแต่วันแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดด้วยวิธี SPAC เป็นเหตุการณ์ที่ “ผิดปกติ” เพราะหุ้นที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐด้วยวิธีดังกล่าวล้วนปรับตัวลดเฉลี่ย 41% ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นมา การจดทะเบียนในตลาดด้วยวิธีดังกล่าวกลายเป็นเทรนด์การลงทุนที่แพร่หลาย โดยมากกว่า 15 บริษัทสุดท้ายต้องประกาศล้มละลายในขณะที่ 160 จาก 400 บริษัท ซื้อขายต่ำกว่า 2 ดอลลาร์ ซึ่งลดลงมากกว่า 80% จากราคาที่เข้าจดทะเบียนในครั้งแรก

ส่วน คริส ไบรอันท์ (Chris Bryant)  คอลัมนิสต์ของบลูมเบิร์ก แสดงความคิดเห็นผ่านบทความ “VinFast SPAC Silliness Will End in Tears” ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ว่า

การปรับตัวสูงขึ้นของหุ้นวินฟาสต์ท่ามกลางอัตรา Free Float ที่ต่ำนั้นไร้ความหมาย เพราะท้ายที่สุดราคาหุ้นดังกล่าวก็จะปรับตัวลงมา

ที่ว่าเช่นนั้นก็เพราะ Free Floaหุ้นวินฟาสต์ น้อยมาก อยู่ที่เพียง 1% ของปริมาณหุ้นทั้งหมด 2.3 พันล้านหุ้น หรือคิดเป็น 2.3 ล้านหุ้นเท่านั้นที่อยู่ในมือนักลงทุนรายย่อย ดังนั้นจึงใช้เวลาหรือความพยายามไม่มากที่จะดันราคาหุ้นขึ้นไป

ที่สำคัญใช้เวลาเพียงหนึ่งวันเท่านั้นที่หุ้นของบริษัทดังกล่าวเปลี่ยนมือจากนักลงทุนรายย่อยรายหนึ่งไปอีกรายหนึ่ง จนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 8 เท่า

นอกจากนี้ ผู้ใช้งานจำนวนมากต่างวิพากษ์วิจารณ์รถอีวีของวิสฟาสต์ว่าไม่มีคุณภาพ รวมทั้งจนถึงสิ้นเดือน มี.ค. บริษัทวินฟาสต์มีกระแสเงินสดเพียง 159 ล้านบาท ในขณะที่ขาดทุนไปทั้งหมด 6 พันล้าน

อ้างอิง

Reuters

Bloomberg

Bloomberg

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์