มูลค่า VinFast แซง Goldman Sachs หลังหุ้นพุ่ง 688% ตั้งแต่ IPO แม้ขาดทุนอื้อ

มูลค่า VinFast แซง Goldman Sachs  หลังหุ้นพุ่ง 688% ตั้งแต่ IPO แม้ขาดทุนอื้อ

มูลค่า VinFast Auto Pte Ltd แซงหน้า Goldman Sachs ไปแล้วที่ 1.9 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากหุ้นปรับตัวสูงขึ้นกว่า 688% นับตั้งแต่เปิดตัวในตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อวันที่ 15 ส.ค. แม้บริษัทฯ ยังขาดทุนจำนวนมาก

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานวันนี้ (29 ส.ค.) ว่า บริษัท VinFast Auto Pte Ltd. ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของเวียดนามที่ยังไม่สร้างกำไร แต่ตอนนี้บริษัทมีมูลค่ามากกว่า Goldman Sachs Group Inc. และ Boeing Co. ไปแล้ว

โดยหุ้น VinFast ปิดตลาดเมื่อวานนี้ ปรับตัวสูงขึ้น 20% ไปอยู่ที่ 82.35 ดอลลาร์ (ประมาณ 2,717.55 บาท) หรือพุ่งขึ้น 688% นับตั้งแต่เปิดตัวในตลาดเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน VinFast มีมูลค่าประมาณ 1.9 แสนล้านดอลลาร์ เทียบกับการประเมินมูลค่าของ Goldman Sachs ที่ 1.11 แสนล้านดอลลาร์ และ Boeing ที่ 1.37 แสนล้านดอลลาร์ นั่นทำให้บริษัทมีขนาดใหญ่กว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทใน Dow Jones Industrial Average และมีขนาดประมาณ 10 เท่าของ Walgreens Boots Alliance Inc. บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในสหรัฐ

นอกจากนี้ ข้อมูลจาก Vanda Research แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนเริ่มหันมาให้ความสนใจหุ้นดังกล่าวตั้งแต่เริ่มดีดตัวขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งคล้ายกับในอดีตที่นักลงทุนเข้าไปซื้อหุ้นตามกันก็มีส่วนช่วยเพิ่มมูลค่าบริษัทให้กับ Nikola Corp. และ Rivian Automotive Inc. เป็นต้น

มูลค่า VinFast แซง Goldman Sachs  หลังหุ้นพุ่ง 688% ตั้งแต่ IPO แม้ขาดทุนอื้อ

โดยบทวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ประเมินว่า แม้การปรับตัวขึ้นของมูลค่าหุ้นเพียงข้ามคืนจะไม่ใช่เรื่องแปลกในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทเทคฯ​ อื่น VinFast ใช้เวลาเพียง 10 วันทำการ ในการทำให้บริษัทฯ มีมูลค่าสูงเกือบ 2 แสนล้านดอลลาร์ ในขณะที่ Tesla และ Nvidia ใช้เวลามากถึง 3,600 และ 7,700 เซสชั่นการซื้อขาย 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหุ้นเพียง 1.3 ล้านหุ้นที่พร้อมสำหรับการซื้อขาย ซึ่งหมายความว่า ผู้ลงทุนควรเตรียมพร้อมรับความผันผวนเนื่องจาก Free Float ต่ำมาก ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเห็นความผันผวนครั้งใหญ่

โดยบทวิเคราะห์ของฟอร์บส (Forbs) รายงานว่า ราคาหุ้น VinFast สูงกว่าราคาจริงถึง 98% จาก รีวิวจากผู้ใช้งานไม่ดี เมื่อเทียบกับรถไฟฟ้าด้วยกัน มีประสิทธิภาพไม่ดีเมื่อเทียบกับรถไฟฟ้ารุ่นอื่น มีมูลการเกินมูลค่าจริง และคนวงในมีอำนาจควบคุมหุ้นมากเกินไป

นอกจากนี้ เมื่อเดือน ก.ย. 2565 บริษัทฯ ลงทุนเพื่อดำเนินการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไปทั้งหมด 7.5 พันล้านดอลลาร์ ภายหลังที่ขาดทุนไป 1.3 พันล้านดอลลาร์ และเกือบ 1.5 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2565