BJC ส่งบริษัทย่อยของ BRC ทุ่ม 300 ล้าน ซื้อกิจการ ‘กลุ่มบริษัทอะเบ๊าท์ไทย’
![BJC ส่งบริษัทย่อยของ BRC ทุ่ม 300 ล้าน ซื้อกิจการ ‘กลุ่มบริษัทอะเบ๊าท์ไทย’](https://image.bangkokbiznews.com/uploads/images/md/2023/08/C1TGSJgMJgZOm6EsKkCg.webp?x-image-process=style/LG)
BJC ส่งบริษัทย่อยของ ‘บิ๊กซี รีเทล’ ทุ่มเงินไม่เกิน 300 ล้านบาท ซื้อกิจการ “กลุ่มบริษัทอะเบ๊าท์ไทย” ในฮ่องกง คาดดำเนินการเสร็จภายใน ต.ค. 66 รุกขยายธุรกิจค้าปลีกภายใต้ “แบรนด์ บิ๊กซี” และธุรกิจค้าส่งสินค้า อุปโภคบริโภค ในฮ่องกงเต็มตัว
บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC รายงานผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทขอแจ้งให้ทราบถึงการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทย่อยในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งของบริษัท โดยสืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการบริหารของ บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอร์ชั่น จำกัด (มหาชน) (“บีอาร์ซี”) ครั้งที่ 2/2566 ประชุมเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2566ได้มีมติอนุมัติการซื้อสินทรัพย์จากกลุ่มบริษัทอะเบ๊าท์ไทย ซึ่งรวมถึงสินทรัพย์ที่มีตัวตน สินทรัพย์ไม่มีตัวตน สินค้าคงคลัง และเครื่องหมายการค้า
ในการนี้ บริษัทจึงขอนำเสนอรายละเอียดของสารสนเทศเกี่ยวกับการได้มาซึ่งสินทรัพย์จากกลุ่มบริษัทอะเบ๊าท์ไทย โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.วัน เดือน ปีที่เกิดรายการ
บิ๊กซี (เอชเค) คัมปะนี ลิมิเต็ด และ บริษัท บีเจซี - เอ็มพอยท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัทย่อยของ บีอาร์ซี ได้เข้าซื้อสินทรัพย์จากกลุ่มบริษัท อะเบ๊าท์ไทย โดยรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าว มูลค่าที่บริษัทฯ จะเข้าทำรายการไม่เกิน 300 ล้านบาท จะดำเนินการเสร็จสิ้นภายในเดือนตุลาคม 2566
2. คู่สัญญาที่เกี่ยวข้อง
ผู้ซื้อ : บิ๊กซี (เอชเค) คัมปะนี ลิมิเต็ด และบริษัท บีเจซี-เอ็มพ็อยท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ผู้ขาย : กลุ่มบริษัทอะเบ๊าท์ไทย
2.1 รายละเอียดของกลุ่มบริษัทอะเบ๊าท์ไทย
ประเภทธุรกิจ จัดหาสินค้าไทยเพื่อนำเข้าไปจัดจำหน่ายในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เพื่อประกอบธุรกิจค้าปลีกภายใต้แบรนด์ บิ๊กซี และธุรกิจค้าส่งสินค้า อุปโภคบริโภค ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง
อย่างไรก็ตาม รายการดังกล่าว ไม่เป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 21/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ.2546
ทั้งนี้ รายการดังกล่าวเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัท จากการคำนวณขนาดของรายการนั้นขนาดรายการสูงสุดตามเกณฑ์มูลค่ารวมของสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิซึ่งน้อยกว่าร้อยละ 15 นอกจากนี้ เมื่อพิจารณารายการได้มาจำหน่ายซึ่งสินทรัพย์ที่เกิดขึ้นในระหว่าง 6 เดือน ก่อนวันที่มีการตกลงเข้าทำรายการนี้ปรากฏว่า บริษัทมีขนาดรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์รวมทั้งสิ้นน้อยกว่าร้อยละ15
ดังนั้น การเข้าทำรายการดังกล่าวจึงไม่ถือเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ที่จะต้องรายงานสารสนเทศ และปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 20/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการท ารายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ. 2547