โบรกแนะทยอย‘ซื้อ’หุ้นไทย ดัชนีลงลึก-ลุ้นโหวตนายกฯ

โบรกแนะทยอย‘ซื้อ’หุ้นไทย ดัชนีลงลึก-ลุ้นโหวตนายกฯ

“หุ้นไทย”รีบาวนด์ ลุ้นผลโหวตนายกฯ 22 ส.ค. บล.กสิกรไทยดัชนีมีโอกาสทยอยฟื้นตัว แนะเป็นโอกาสเข้าซื้อสะสม หลังดัชนีปรับตัวลงอยู่ที่ 1,520 จุด บล.เอเซียพลัส ชี้ สูญญากาศการเมืองใกล้สิ้นสุด สร้างเซ็นทริเม้นต์เชิงบวกในระยะสั้น

ความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยวานนี้ (16 ส.ค.) แกว่งตัวในแดนลบ ระหว่างวันลงต่ำสุดที่ ที่ 1,506 จุด หรือลดลง 14.73 จุด แต่ภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องปมโหวต ชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯซ้ำ และเตรียมโหวตนายยกฯวันที่ 22 ส.ค. หนุนดัชนีค่อยปรับตัวดีขึ้นกลับมาปิดตลาดที่ 1,519.56 จุด ปรับตัวลดลง 1.17 จุด หรือ 0.08%  มูลค่าการซื้อขาย 59.386  ล้านบาท 

นายรัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า  วานนี้ภาพรวมภาวะตลาดหุ้นไทย อ่อนแอกว่าที่คาด ทั้งจากปัจจัยต่างประเทศกดดันและปัจจัยการเมืองในประเทศ ยังต้องติดตามการประชุมสภาฯ โหวตนายกฯรอบ 3 

สำหรับแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยหลังจากนี้ เป็นการค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนในตลาดยังไม่มั่นใจว่า การโหวตนายกรอบ 3 จะผ่านด่าน สว.ได้หรือไม่  แนะนำใช้กลยุทธ์ทยอยซื้อสะสมได้ช่วงนี้ หลังกลับมายืนบริเวณแนวรับสำคัญ 1,515-1,520 จุด

ทั้งนี้คาดดัชนีหุ้นไทย จะตอบสนองเชิงบวกชัดเจนขึ้น หลังโหวตนายกฯ ผ่านและจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ มองกรอบในเดือนส.ค.นี้ แนวรับที่1,515-1,520 จุด และแนวต้าน 1,565 จุด สำหรับหุ้นที่มีความน่าสนใจเช่น กลุ่มค้าปลีก (CPALL , COM7), กลุ่มก่อสร้าง (STEC , CK), กลุ่มอาหาร (TKN), กลุ่มนิคมฯ (AMATA) 

นายเทิดศักดิ์  ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย  บล.เอเซีย พลัส  กล่าวว่า วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นไม่มาก แม้ว่าในการโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 3 ประธานสภาฯ แจ้งวันโหวตนายกฯ  22 ส.ค. นี้  ซึ่งตลาดยังต้องรอผลโหวตที่ชัดเจนก่อน  

อย่างไรก็ตามคาดว่า สูญญากาศทางการเมืองใกล้สิ้นสุด สร้างเซ็นทริเม้นต์เชิงบวกในระยะสั้น มองแนวรับ 1,520  จุด และแนวต้าน 1,545 จุด    

   

โดยแนะนำว่าในช่วงดัชนีย่อตัวเป็นโอกาสเข้าสะสมหุ้นที่เคยร่วงแรงจากความกังวลเปลี่ยนผ่านทางการเมืองก่อนหน้านี้มีโอกาสดีดตัวขึ้นมาได้ แนะนำหุ้นเด่น 5 กลุ่ม คือ 1.หุ้นรายได้อิงโครงการ ภาครัฐ STEC, CK, BEM  2.หุ้นหวังพึ่งกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม SAWAD, CBG, JMT

3.หุ้นทุนผูกขาด TRUE, CRC, CPN, CPALL, BJC 4.หุ้นได้รับผลกระทบปรับสูตรค่าไฟฟ้า GULF, BGRIM, GPSC, PTTGC และ 5.หุ้นรับกระแสข่าวดังกล่าว SIRI, SC,ADVANC, PR9,SCB