JMART อ่วมไตรมาส 2/66 ขาดทุนสุทธิ 611.22 ล้านบาท เซ่นงบ SINGER ดิ่ง

JMART อ่วมไตรมาส 2/66 ขาดทุนสุทธิ 611.22 ล้านบาท เซ่นงบ SINGER ดิ่ง

JMART อ่วมไตรมาส 2 ปี 66 พลิก "ขาดทุนสุทธิ" 611.22 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 389.41 ล้านบาท เซ่นพิษรับรู้ผลขาดทุนจาก "SINGER" หวังครึ่งปีหลังสร้างผลดำเนินงานกลับมาเป็น "กำไร"

              บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART รายงานผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2566 มีผลขาดทุนสุทธิ 611.22 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 389.41 ล้านบาท

และงวด 6 เดือน ปี 2566 มีผลขาดทุนสุทธิ 905.95 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 717.52 ล้านบาท เนื่องจากสายธุรกิจจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อมสินเชื่อเช่าซื้อ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (ซิงเกอร์”) ผลประกอบการในไตรมาส 2/2566 ที่ผ่านมาของ ซิงเกอร์ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลประกอบการของบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ โดยในไตรมาส 2/2566 ซิงเกอร์ได้มีผลประกอบการขาดทุนเท่ากับ 2,392 ล้านบาท ซึ่งการขาดทุนดังกล่าวมีผลสำคัญมา จากผลขาดทุนทางด้านเครดิตที่เกิดขึ้นจากการสิ้นสุดของโครงการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ในบริษัทย่อย ของซิงเกอร์

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่า ซิงเกอร์ได้ประมาณการการตั้งสำรองดังกล่าวเพื่อให้เพียงพอกับความเสี่ยงของลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด และยังไม่มีความสามารถในการจ่ายชำระคืนหนี้ ซึ่งจะเป็นรายการตั้งครั้งเดียวที่เกิดขึ้น (Onetime)

ธุรกิจจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และอุปกรณ์เสริม ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด (“เจมาร์ทโมบาย”) ในไตรมาส 2/2566 เจมาร์ท โมบาย มีรายได้จากธุรกิจจัดจำหน่ายเท่ากับ 2,038 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 44 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิ 6 เดือนของธุรกิจจัดจำหน่ายมือถือ เท่ากับ 99 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 49 เนื่องจาก แนวโน้มยอดขายมีทิศทางที่ลดลงในช่องทางสำคัญเช่น ซิงเกอร์

ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ซึ่งอยู่ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) (“เจเอ็มที”) ยังคงมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยพิจารณาจากผลการดำเนินงานในด้านยอดจัดเก็บ และการเติบโตของกำไรสุทธิ ยังคงอยู่ในทิศทางที่เป็นไปตามเป้าหมาย ทำสถิติได้สูงที่สุด โดยกำไรสุทธิของ เจเอ็มที รอบ 6 เดือนที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ เท่ากับ 1,004.1 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากช่วงเดียวกันของ กระแสเงินสดได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้า JK AMC ที่เติบโตสูงขึ้น

ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) (“เจเอเอส”) มีผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา มีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 5.4 ล้านบาท ลดลงเนื่องจากเนื่องจากผลขาดทุนสุทธิจากการตีราคาเป็นมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ทั้งนี้ เจเอเอสยังคงตั้งเป้าหมายที่จะเปิดโครงการ JAS Green Village บางบัวทอง ภายในเดือนกันยายน 2566 เพื่อทยอยสร้างกระแสรายได้ให้กับบริษัทในอนาคตปีก่อนหน้าร้อยละ 25.5 เนื่องจากเจเอ็มทีสามารถจัดเก็บ

 

ธุรกิจเทคโนโลยี บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (“เจ เวนเจอร์ส”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ที่ดำเนินการด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาซอฟท์แวร์แอปลิเคชั่น มีผลประกอบการที่มีกำไรสุทธิ ได้ตามเป้าหมาย โดยมีกำไรสุทธิในช่วง 6 เดือนที่ 2 ล้านบาท ทั้งนี้ เจ เวนเจอร์ส ได้พัฒนางานทางด้าน Digitization ให้กับบริษัทในกลุ่มเจมาร์ท ซึ่งได้พัฒนา และได้ใช้จริงอย่างเป็นรูปธรรมในหลายๆ โครงการ เช่น โครงการ Pah Advance ที่ให้พนักงานสามารถนำเงินเดือนมาใช้ล่วงหน้าได้ ตามเงื่อนไขที่กำหนด การพัฒนาแอปพลิเคชั่น Jaii Dee เพื่อให้ลูกหนี้ด้อยคุณภาพของ JMT สามารถลงทะเบียน และสามารถปรับปรุงสถานะกับ NCB ได้รวมถึงสามารถทราบยอดการจ่ายหนี้ได้ เป็นต้น

สำหรับมุมมองของผู้บริหารต่อผลประกอบการในอนาคต โดยในช่วงครึ่งหลัง 2566 นี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างผลการดำเนินงานกลับมามีผลกำไรสุทธิ ด้วยเหตุผลคือ ในไตรมาส 2/2566 ที่ผ่านมาบริษัทได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองของลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด จากบริษัทร่วม ซิงเกอร์ ประเทศไทย ซึ่งบริษัทคาดว่าผลกระทบดังกล่าวจะเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในไตรมาส 2/2566

โดยบริษัทคาดว่าในไตรมาส 3 และ 4 ปี 2566 นี้สถานการณ์ของ ซิงเกอร์ ประเทศไทย จะกลับสู่สภาวะที่ใกล้เคียงกับสภาวะปกติ โดยธุรกิจในส่วนอื่นๆ ของกลุ่มบริษัทยังคงมีทิศทางในการเติบโตของธุรกิจได้ตามแผน โดยมีปัจจัยสำคัญดังต่อไปนี้

1. ธุรกิจติดตามหนี้ด้อยคุณภาพ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทย่อย JMT ยังคงเป็นฐานกำไรสำคัญหลักของกลุ่ม ซึ่งมีแนวโน้มในการเติบโตที่ดี และมีโอกาสในการมีผลประกอบการที่เติบโตขึ้นจากหนี้ด้อยคุณภาพที่เพิ่งได้ลงทุนมาในไตรมาส 2/2566 นี้ อีกทั้ง ยังมีการเติบโตของส่วนแบ่งกำไรในบริษัทกิจการร่วมค้าที่มีโอกาสในการเติบโตเพิ่มขึ้นในอนาคต

2. ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทย่อย JAS Asset เตรียมเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ JAS Green Village คู้บอน ที่จะเปิดภายในไตรมาส 3/2566 จึงเป็นโอกาสในการสร้างฐานรายได้ใหม่ที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ และอนาคต

3. ธุรกิจจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ จะเข้าสู่ช่วง High Season ในการดำเนินการเนื่องจาก มีมือถือรุ่นใหม่ๆ ที่จะทยอยเปิดตัวตั้งแต่ไตรมาส 3/2566 เป็นต้นไป ทั้งในส่วนของ Samsung และ iPhone ซึ่งเป็นพอร์ตสินค้าหลักของ เจมาร์ท โมบาย

4. ธุรกิจที่บริษัทได้เข้าลงทุนคือ บีเอ็นเอ็น เรสตัวรองท์ หรือ Suki Teenoi มีโอกาสที่ผลประกอบการจะเติบโตขึ้น จากการขยายสาขาไปในต่างจังหวัดตามแผนธุรกิจ

ทั้งนี้ บริษัทยังคงมีมุมมองในเชิงบวกในด้านผลประกอบการในอนาคต ซึ่งธุรกิจในส่วนแกนหลักของบริษัทยังคงมีโอกาสเติบโตตามสภาพเศรษฐกิจที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในอนาคต