เฟทโก้ ชี้ ดัชนีเชื่อมั่นลงทุน 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น หวังจัดตั้งรัฐบาลได้

เฟทโก้ ชี้ ดัชนีเชื่อมั่นลงทุน 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น หวังจัดตั้งรัฐบาลได้

"เฟทโก้" เผย ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน3 เดือนข้างหน้า (ต.ค.66) อยู่ที่ 83.45 เพิ่มขึ้น 2.2% อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”  นักลงทุนคาดหวังปัจจัยหนุนจากการจัดตั้งรัฐบาลและท่องเที่ยวฟื้นตัว ปัจจัยฉุดคือความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลและการประกาศจะเก็บภาษีขายหุ้น”

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนก.ค. 2566 (สำรวจระหว่างวันที่ 20-31 ก.ค. 2566)  พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 83.45 ปรับขึ้นเล็กน้อย 2.2% จากเดือนก่อนหน้าอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”

โดยนักลงทุนมองว่าการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว และการไหลเข้าของเงินทุน สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล รองลงมาคือการประกาศจะจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Financial Transaction Tax: FTT) และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

 

 

เฟทโก้ ชี้ ดัชนีเชื่อมั่นลงทุน 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น หวังจัดตั้งรัฐบาลได้ ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนกรกฎาคม 2566 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

  • ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ตุลาคม 2566) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (ช่วงค่าดัชนี 80-119) ปรับขึ้นเล็กน้อย 2.2% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 83.45
  • ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนสถาบัน อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”  ในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา”
  • หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM)
  • หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดธนาคาร (BANK)
  • ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง
  • ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ ความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล

   “ผลสำรวจ ณ เดือนก.ค. 2566 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า มีเพียงความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างประเทศปรับลดลง 33.3% อยู่ที่ระดับ 66.67 ในขณะที่กลุ่มอื่นปรับเพิ่มขึ้น โดยนักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ม 42.7% อยู่ที่ระดับ 93.94 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 125.0% อยู่ที่ระดับ 112.5 และกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 16.7% อยู่ที่ระดับ 100.00

 SET Index ผันผวนตลอดเดือนก.ค. 2566 จากปัญหาเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งที่ไม่มีความชัดเจนและยังไม่สามารถเสนอชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ อีกทั้งแรงขายสุทธิต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ  และประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2566 ถูกปรับลดลงจาก 3.6% ของ GDP ที่คาดการณ์ไว้ในเดือนเมษายน มาอยู่ที่เฉลี่ย 3.5% สาเหตุจากการคาดการณ์รายได้นักท่องเที่ยวลดลง

รวมทั้งการส่งออกชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ของปีนี้ โดย SET Index ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2566  ปิดที่ 1,556.06 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.5% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนกรกฎาคม 2566 อยู่ที่ 46,002 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิกว่า 12,558 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ของปีนี้ โดยตั้งแต่ต้นปี 2566 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวมกว่า 118,181 ล้านบาท

ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ นโยบายการเงินของ FED ที่คาดว่าจะยังไม่ลดดอกเบี้ยในเร็ววันนี้เนื่องจากโอกาสการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐอาจทำให้เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นสูงอีกครั้ง รวมถึงภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนซึ่งอาจกระทบภาคการส่งออกและท่องเที่ยวของไทย

ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การเลือกนายกรัฐมนตรีและการจัดตั้งรัฐบาลซึ่งหากล่าช้าจะกระทบต่อเศรษฐกิจและงบประมาณปี 2567 ความขัดแย้งทางการเมืองหลังการเลือกตั้งที่อาจนำไปสู่การก่อความไม่สงบ การชะลอตัวของภาคการส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบจากแนวโน้มการแข็งค่าของค่าเงินบาท และจากการที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ายังคงซบเซาจากแรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง  รวมถึงสถานการณ์ภาคท่องเที่ยวในประเทศที่อาจไม่โตเท่าที่คาดการณ์ไว้”