TOP เผยไตรมาส 2/66 กำไรสุทธิลดลงเหลือ 1.12 พันล้าน รายได้ลด-ขาดทุนสต๊อก

TOP เผยไตรมาส 2/66 กำไรสุทธิลดลงเหลือ 1.12 พันล้าน รายได้ลด-ขาดทุนสต๊อก

TOP เผยไตรมาส 2 ปี 66 กำไรสุทธิ 1.12 ล้านบาท ลดลง 95.5% เหตุรายได้ลดลงตามราคาขาย จากราคาน้ำมันที่ชะลอลง-ขาดทุนสต๊อกน้ำมัน และอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่ปีก่อนมีรายการพิเศษขายหุ้น GPSC ส่งผล 6 เดือนแรก กำไรสุทธิ 5,671 ล้านบาท ลดลง 82.5%

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า มีกำไรสุทธิ 1,117.08 ล้านบาท ลดลง 95.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 25,326.93 ล้านบาท

เนื่องจากกลุ่มไทยออยล์มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน (Accounting GIM) อยู่ที่ 4.2 เหรียญต่อบาร์เรล และด้วยปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มอยู่ที่ 315 พันบาร์เรลต่อวัน ทำให้มีรายได้จากการขาย 108,467 ล้านบาท ลดลง 35,425 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามราคาขายเฉลี่ยที่ปรับลดลง

โดยไตรมาส 2/66 ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากไตรมาส 1/66 จากความต้องการใช้น้ำมันที่คาดว่าจะมีแนวโน้มชะลอตัวลง จากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยภายหลังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางทั่วโลก ประกอบกับตลาดยังกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งถือเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก ส่งผลให้มีขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 1,929 ล้านบาท ลดลง เทียบกับกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 7,557 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

และ EBITDA 4,618 ล้านบาท ลดลง 3,564 ล้านบาท จากไตรมาสที่ผ่านมา และลดลง 17,704 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อน มีผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินลดลง 2,196 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 300 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/65 กลุ่มไทยออยล์มีกำไรจากการจัดประเภทเงินลงทุนและจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC จำนวน 17,334 ล้านบาท (ก่อนภาษี) หรือคิดเป็น 12,880 ล้านบาท (หลังภาษี) เมื่อหักค่าเสื่อมราคา ต้นทุนทางการเงิน และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ ส่งผลให้มีกำไรสุทธิลดลง 24,210 ล้านบาทจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ส่วนงวด 6 เดือนแรกปี 66 มีกำไรสุทธิ 5,671.22 ล้านบาท ลดลง 82.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 32,509.60 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย 224,410 ล้านบาท ลดลง 33,987 ล้านบาท สาเหตุจากราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบ นอกจากนี้ส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินกับราคาน้ำมันดูไบปรับตัวลดลงอย่างมาก

กลุ่มไทยออยล์มีกําไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบจากสต๊อกนํ้ามัน (Accounting GIM) อยู่ที่ 6.3 เหรียญต่อบาร์เรล และมีปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มอยู่ที่ 313 พันบาร์เรลต่อวัน

นอกจากนี้มีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 5,268 ล้านบาท เทียบกับกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 22,029 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่มีรายการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป 193 ล้านบาท ลดลง 2,157 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมี EBITDA 12,800 ล้านบาท ลดลง 22,557 ล้านบาท มีผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงิน 29 ล้านบาท และมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 446 ล้านบาท จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า