3 หุ้น ‘พรรคเพื่อไทย’ มาร์เก็ตแคปวูบเฉียด 5 พันล้านบาท หลังโดน ‘ชูวิทย์’ ป่วน

3 หุ้น ‘พรรคเพื่อไทย’ มาร์เก็ตแคปวูบเฉียด 5 พันล้านบาท หลังโดน ‘ชูวิทย์’ ป่วน

หุ้น ‘พรรคเพื่อไทย’ SIRI SC และ PR มาร์เก็ตแคปวูบรวมกันเฉียด 5 พันล้านบาท หลังโดน ‘ชูวิทย์’ ป่วนออกมาพูดเรื่องการเลี่ยงภาษีซื้อที่ดิน 521 ล้านบาท และกรณีแฉการกลับมาไทยของ “ทักษิณ ชินวัตร” ส่งผลให้หุ้นกลุ่มพรรคเพื่อไทยปรับตัวลง

ปัจจัยทางการเมืองยังคงยืดเยื้อหลังจากที่มีการเลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรีออกไป รวมถึงประเด็นที่ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ออกมาพูดเรื่องการเลี่ยงภาษีซื้อที่ดิน 521 ล้านบาท ของแสนสิริและกรณีการกลับมาไทยของ “ทักษิณ ชินวัตร” ส่งผลให้หุ้นกลุ่มพรรคเพื่อไทยปรับตัวลงมา

โดยไทม์ไลน์ประเด็นการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยและ 3 หุ้นของพรรคเพื่อไทยที่มีการปรับตัวลงมา มีดังนี้

 

26 ก.ค. 2566 แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “26 กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันสำคัญของลูกเสมอ แต่ปีนี้ลูกยังไม่อยากเชื่อตัวเอง ในสิ่งที่ลูกกำลังจะพิมพ์ พ่อจะกลับมาแล้ว วันที่ 10 สิงหาคมนี้ ที่สนามบินดอนเมือง”

28 ก.ค.2566 ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ผ่านเฟสบุค เกมพลิก ทักษิณถอย ยกเลิกกลับไทย สถานการณ์เปลี่ยน

3 ส.ค.2566 ศาลรัฐธรรมนูญ แถลงเลื่อนวันพิจารณาสั่งรับ หรือ ไม่รับ คำร้อง กรณีใช้ข้อบังคับการประชุมที่ 41 สำหรับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เหตุเพราะต้องพิจารณารอบครอบ-พร้อมตรวจสอบสถานะผู้ร้องเรียน นัดประชุมเพื่อพิจารณาอีกครั้ง 16 ส.ค.66 ผลสืบเนื่องจากกรณีดังกล่าว ทำให้ประธานสภาฯ สั่งเลื่อนโหวตนายกฯ รอบ 3 ออกไปโดยไม่มีกำหนด จากเดิมจะโหวตวันที่ 4 ส.ค.66

 

3 ส.ค. 2566 ชูวิทย์ เผยกรณี บมจ.แสนสิริ เลี่ยงจ่ายภาษีซื้อที่ดินกรมสรรพากร 521 ล้านบาท โดยมี “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายก เป็นผู้เกี่ยวข้อง ด้วยการรับโอนที่ดินถนนสารสิน จากผู้ขาย 12 คน แบ่งเป็น 12 วัน ในราคาสูงถึงตารางวาละ 3.93 ล้านบาท และมีการวางมัดจำเป็นเงินราว 35 – 50% ของราคาซื้อทั้งหมด

4 ส.ค.2566 อภิชาติ จูตระกูล ประธานกรรมการ บมจ.แสนสิริ หรือ SIRI ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าการซื้อที่ดินถูกต้องตามหลักกฎหมายและธรรมาภิบาล จากกรณีข่าวที่ปรากฏในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับการซื้อที่ดิน กรณีที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กล่าวหา

7 ส.ค.2566 “เศรษฐา” มอบหมายให้ทนายความยื่นฟ้อง “ชูวิทย์” หมิ่นประมาทปมแฉเลี่ยงภาษี เรียกค่าเสียหาย 500 ล้านบาท 

7 ส.ค.2566 พรรคเพื่อไทย จับมือ พรรคภูมิใจไทย จัดตั้งรัฐบาล

สำหรับ 3 หุ้น พรรคเพื่อไทยตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค. ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงหลังมีกระแสข่าวทักษิณกลับได้ - 7 ก.ค. 66 รวมกันแล้วมาร์เก็ตแคปวูบ 4,985.28 ล้านบาท 

  • หุ้น SIRI มาร์เก็ตแคป ณ วันที่ 27 ก.ค.66 ที่ 33,256.70 ล้านบาท ขณะที่ 4 ส.ค.66 มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 29,886.33 ล้านบาท เท่ากับมาร์เก็ตแคปหายไป 3,370.37 ล้านบาท ส่วนราคา ณ วันที่ 27 ก.ค.66 อยู่ที่ 2.02 บาท ขณะที่ ราคา ณ วันที่ 7 ส.ค.66 อยู่ที่ 1.83 บาท เท่ากับราคาลดลง 0.19 บาท หรือ 9.41%
  • หุ้น SC มาร์เก็ตแคป ณ วันที่ 27 ก.ค.66 ที่ 19,801.03 ล้านบาท ขณะที่ 4 ส.ค.66 มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 18,264.75 ล้านบาท เท่ากับมาร์เก็ตแคปหายไป 1,536.28 ล้านบาท ส่วนราคา ณ วันที่ 27 ก.ค.66 อยู่ที่ 4.64 บาท ขณะที่ ราคา ณ วันที่ 7 ส.ค.66 อยู่ที่ 4.34 บาท เท่ากับราคาลดลง 0.30 บาท หรือ -6.47%
  • หุ้น PR 9 มาร์เก็ตแคป ณ วันที่ 27 ก.ค.66 ที่ 14,467.92 ล้านบาท ขณะที่ 4 ส.ค.66 มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 14,389.29 ล้านบาท เท่ากับมาร์เก็ตแคปหายไป 78.63 ล้านบาท ส่วนราคา ณ วันที่ 27 ก.ค.66 อยู่ที่ 18.40 บาท ขณะที่ ราคา ณ วันที่ 7 ส.ค.66 อยู่ที่ 18.20 บาท เท่ากับราคาลดลง 0.20 บาท หรือ -1.09%

วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโส บล. ฟินันเซีย ไซรัส ให้ข้อมูลกับกรุงเทพธุรกิจว่า หลังจากที่การเมืองยังคงไม่มีความชัดเจน ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนไม่มีจะเห็นได้ว่า หลัก ๆ อีเว้นท์ที่ทำให้หุ้นตกลงมาแรง คือการเลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งตราบใดที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสามารถกลับมาโหวตได้เมื่อไร อย่างน้อย ๆ ต้องหลังวันที่ 16 ส.ค.66 แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญ ปรากฎว่ารับคำร้อง และต้องรอพิจารณาอาจจะทำให้ลากยาวกว่านั้นได้ ฉะนั้นตลาดในประเทศเลยไม่มีปัจจัยที่จะเป็นตัวหนุนขึ้นมา ส่งผลให้ต่างชาติยังไม่รีบกลับเข้ามาซื้อ แต่กลับอยู่ในฝั่งขายมากกว่า 

ส่วน 3 หุ้นพรรคเพืื่อไทยที่มีการปรับตัวลดลงมา หลังจากที่ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉกรณีต่าง ๆ นั้น มองว่า เป็นในเชิงของเซนติเมน เพราะก่อนหน้านี้ต้องยอมรับว่า หุ้นกลุ่มพรรคเพื่อไทยมีการปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก พอมีความไม่ชัดเจนด้วยเลยทำให้มีการเททำกำไรถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก สุดท้ายต้องมองที่พื้นฐาน ถ้าผลประกอบออกมาดีก็จะสามารถฟื้นคืนกลับมาได้ แต่ในช่วงสั้นโดนประเด็นโอเวอร์แฮงก์ไปก่อน 

วทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สาเหตุหลัก ๆ ที่ตลาดปรับตัวลดลงมาต้องเท้าความ ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นมีการปรับตัวขึ้นมาสักระดับหนึ่งแล้ว ถ้ามาดูตลาดหุ้นมีการปรับตัวฟื้นขึ้นมาจากข้างล่างประมาณ 1,460 จุด ปรับตัวขึ้นมาถึงบริเวณ 1,560 จุด คิดเป็นการปรับตัวขึ้นมาประมาณเกือบ 100 จุด หรือประมาณ 5.5% จากการปรับตัวขึ้นมาหลัก ๆ คือการเมือง นักลงทุนเริ่มมองว่ามีโอกาสที่พรรคก้าวไกลไม่น่าที่จะได้กลับเข้ามาเป็นรัฐบาล และน่าจะมีการพลิกขั้วขึ้นมาเป็นพรรคเพื่อไทย และอาจมีการสลับขั้วขึ้นมาด้วย ซึ่งมีการจัดมือกับพรรคภูมิใจไทย ทำให้ตลาดที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น

และเมื่อย้อนกลับไปตั้งแต่ที่พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งตลาดหุ้นค่อนข้างจะมีความกลัว เนื่องจากนโยบายของพรรคก้าวไกลไม่ค่อยเป็นมิตรกับตลาดหุ้นสักเท่าไร เช่น มีนโยบายที่จะจัดเก็บภาษีตลาดหุ้นจากกำไร และการทลายทุนผูกขาดมองว่าบริษัทจดทะเบียนหลายบริษัทมีการเข้าข่ายทุนผูกขาด ทำให้ส่งผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียน ดังนั้นหากก้าวไกลเข้ามาตลาดหุ้นเลยไม่ชอบ แต่พอค่อย ๆ มีกระแสข่าวออกมา ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยขึ้นมาแทน ตลาดเลยกลับมารีบาวน์ขึ้นมา หลังจากที่พรรคก้าวไกลโหวตนายกฯ ไม่ผ่าน 

ปัจจุบันต้องยอมรับว่า ตลาดได้รับรู้ประเด็นดังกล่าวมาพอสมควรแล้ว ว่า พรรคเพื่อไทยจะเข้ามาเป็นแกนนำในการเข้ามาจัดตั้งรัฐบาล ส่งผลให้ตลาดไม่ได้มีการรับรู้ประเด็นอะไรใหม่เพิ่มเติม เลยทำให้เกิดเห็นแรงเทขายปรากฎออกมา ซึ่งถือว่า สอดคล้องกับที่ตลาดมีการปรับฐานลงมา 

ส่วนหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากพรรคเพื่อไทยเริ่มมีการปรับตัวขึ้นมาอย่าง SIRI SC หรือหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีความกังวลต่อนโยบายพรรคก้าวไกลก็ปรับตัวขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า ประเด็นดังกล่าวถือเป็นปัจจัยเข้ามาสนับสนุนช่วงระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งตลาดมีการเข้ามาเล่นเก็งกำไร ทั้งที่ในเชิงปัจจัยพื่้นฐาน ทั้ง SIRI และ SC ยังคงไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

ขณะเดียวกันประเด็นที่ ชูวิทย์ออกมาแฉ ถือว่า เป็นปัจจัยกดดันทางจิตวิทยา ซึ่งไม่ได้มีผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานเท่าไร เป็นผลกระทบเซนติเมนเชิงลบมากกว่า แต่เป็นช่วงระยะสั้น ๆ เท่านั้น  

แนะนำนักลงทุนหากจะเข้ามาลงทุนยังต้องดูที่ปัจจัยพื้นฐาน อย่าง SC ยังคงแนะนำให้ซื้อ ราคาเป้าหมายให้ไว้ที่ 5.00 บาท ในช่วงไตรมาส 2/66 SC มีการเปิดตัวโครงการต่อเนื่อง ซึ่งตามแผนจะมีการเปิดตัวโครงการในปีนี้ประมาณ 25 โครงการ มูลค่ารวมกันประมาณเกือบ 4 หมื่นล้านบาท โดยรวมมองว่า หุ้น SC ยังมีพื้นฐานที่ดี และคาดว่ากำไรในปีนี้น่าจะเติบโตได้อีก 5% ในขณะที่ P/E ก็ถือว่ายังไม่แพงจนเกินไป ขณะที่เงินปันผลอยู่ท่ประมาณ 6% หากนักลงทุนที่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้ต้องอดทนถือต่อไปก่อน หากปัจจัยทางการเมืองมีความคลี่คลายสุดก็จะกลับเข้ามาสู่ปัจจัยพื้นฐาน

3 หุ้น ‘พรรคเพื่อไทย’ มาร์เก็ตแคปวูบเฉียด 5 พันล้านบาท หลังโดน ‘ชูวิทย์’ ป่วน