PTTEP เผยไตรมาส 2/66 กำไรสุทธิ 2.10 หมื่นล้าน - ปันผลระหว่างกาล 4.25 บาท

PTTEP เผยไตรมาส 2/66 กำไรสุทธิ 2.10 หมื่นล้าน - ปันผลระหว่างกาล 4.25 บาท

PTTEP เผยไตรมาส 2 ปี 66 กำไรสุทธิแตะ 2.10 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.05 หมื่นล้าน พร้อมบอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 4.25 บาท จ่าย 29 ส.ค. 66

บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 21,039,613 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 20,599,944 ล้านบาท เป็นผลมาจากการรับรู้ผลกำไรที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติเพิ่มขึ้น โดยหลักจากอัตราแลกเปลี่ยน และอนุพันธ์ทางการเงินที่เกี่ยวเนื่องกับอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งในไตรมาส 1 มีผลขาดทุนในขณะที่ไตรมาส 2 รายงานกำไร

ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานปกติลดลงเล็กน้อย โดยปริมาณขายเฉลี่ยต่อวันปรับตัวลดลง มาอยู่ที่ 444,868 บาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยหลักจากโครงการจี 2/61 (บงกช) หลังการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สัญญาแบ่งปันผลผลิต รวมถึงราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง ส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า มาอยู่ที่ 45.72 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ

ในขณะที่ต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 26.41 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ในส่วนของฐานะการเงิน ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2566 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 24,336 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยเป็นส่วนของเงินสด 3,065 ล้านดอลลาร์สหรัฐในขณะที่มีหนี้สินรวม 10,259 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยเป็นส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ย 3,661 ล้านดอลลาร์สหรัฐและส่วนของผู้ถือหุ้น 14,077 ล้านดอลลาร์สหรัฐทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 0.26 เท่า

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ในรอบครึ่งแรกของปีนี้ บริษัทมีความคืบหน้าการดำเนินงานทั้งธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมและธุรกิจใหม่ โดยสามารถเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติในโครงการจี 1/61 (แหล่งเอราวัณ, ปลาทอง, สตูล, ฟูนาน) ขึ้นมาอยู่ที่ 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในช่วงปลายไตรมาส 2 ตามแผนงาน เพื่อสนองตอบต่อแนวทางของภาครัฐในการลดผลกระทบด้านต้นทุนพลังงานให้กับประชาชน

รวมทั้ง ยังเร่งการเจาะหลุมผลิต และติดตั้งแท่นหลุมผลิตเพิ่มเติมอีกจำนวน 4 แท่นภายในปีนี้ เพื่อเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซฯ ให้ได้ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในเดือนเมษายน 2567 ตามเงื่อนไขในสัญญาแบ่งปันผลผลิต นอกจากนี้ บริษัทได้ชนะประมูลแปลงสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทย รอบที่ 24 อีก 2 แปลง ได้แก่ แปลงจี 1/65 และแปลงจี 3/65 ซึ่งอยู่ใกล้กับโครงการที่บริษัทเป็นผู้ดำเนินการอยู่แล้ว หากค้นพบแหล่งปิโตรเลียม จะสามารถผลักดันการพัฒนาโครงการได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทยได้ในอนาคต

ด้านความคืบหน้าการลงทุนในธุรกิจใหม่ ปตท.สผ. และ 5 บริษัทพันธมิตรชั้นนำระดับโลกได้ชนะการประมูลสัมปทานการพัฒนาโครงการผลิตกรีนไฮโดรเจนขนาดใหญ่ ในแปลงสัมปทาน Z1-02 รัฐสุลต่านโอมาน โดยตั้งเป้าผลิตกรีนไฮโดรเจนในปี 2573 ที่อัตราประมาณ 2.2 แสนตันต่อปี นับเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญของ ปตท.สผ. ในการเดินหน้าพัฒนาแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่แห่งอนาคต ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

ส่วนการดำเนินงานเพื่อเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 (Net Zero Greenhouse Gas Emissions by 2050) นั้น ปตท.สผ. ได้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสะสมได้ประมาณ 1.9 ล้านตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จากปีฐาน 2563 ผ่านการบริหารจัดการ การลงทุนในโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่มีคาร์บอนต่ำ การจัดการหลุมผลิตที่เหมาะสม รวมถึงการจัดทำโครงการลดก๊าซเรือนกระจกต่างๆ เช่น การนำก๊าซส่วนเกินจากกระบวนการผลิตปิโตรเลียมกลับมาใช้ใหม่ การปรับปรุงกระบวนการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการใช้พลังงานหมุนเวียน เป็นต้น

สำหรับผลประกอบการในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2566 ปตท.สผ. มีรายได้รวม 4,359 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สรอ.) (เทียบเท่า 148,932 ล้านบาท) มีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 452,799 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 446,519 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการผลิตปิโตรเลียมในประเทศ ได้แก่ โครงการจี 1/61 โครงการอาทิตย์ และโครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (MTJDA) ส่วนราคาขายผลิตภัณฑ์ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทจึงมีกำไรสุทธิ 1,180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 40,321 ล้านบาท) และยังคงรักษาต้นทุนต่อหน่วย (Unit cost) ไว้ที่ 26.24 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบ โดยมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาที่ร้อยละ 75

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 มีมติอนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ปี 2566 ที่ 4.25 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อรับสิทธิในการรับเงินปันผลวันที่ 16 สิงหาคม 2566 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 29 สิงหาคม 2566

จากผลการดำเนินงานในรอบครึ่งปีแรกของปี 2566  ปตท.สผ. สามารถนำส่งรายได้ให้กับรัฐ ซึ่งอยู่ในรูปภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง โบนัสการผลิต และผลประโยชน์อื่นๆ  ประมาณ 42,000 ล้านบาท เพื่อนำไปพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ เช่น ด้านการพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์