ดาวโจนส์ปิดแดนลบ แม้สหรัฐเผยจีดีพีไตรมาส 2/2566 สูงกว่าคาด

ดาวโจนส์ปิดแดนลบ แม้สหรัฐเผยจีดีพีไตรมาส 2/2566 สูงกว่าคาด

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพฤหัสบดี(27ก.ค.)ปรับตัวร่วงลงกว่า 200 จุด หลังมีข่าวธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)จะปล่อยให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวสูงขึ้น แม้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2/2566 ที่สูงกว่าคาดการณ์

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 237.40 จุด หรือ 0.67%  ปิดที่ 35,282.72 จุด
  • ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 29.34 จุด หรือ 0.64% ปิดที่ 4,537.41 จุด
  • ดัชนีแนสแด็ก ลดลง 77.18 จุด หรือ 0.55% ปิดที่ 14,050.11 จุด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 237.40 จุด หรือ 0.67%  ปิดที่ 35,282.72 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 29.34 จุด หรือ 0.64% ปิดที่ 4,537.41 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 77.18 จุด หรือ 0.55% ปิดที่ 14,050.11 จุด

ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์นิกเกอิ รายงานว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะคงเพดานสำหรับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ไว้ที่ 0.5% แต่ก็มีการหารือกันว่าจะเปิดทางให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวดีดตัวขึ้นเหนือระดับดังกล่าวในระดับหนึ่ง ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์ ยืนยันว่าบีโอเจอาจปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ขยายกรอบเวลาในนโยบายควบคุมผลตอบแทนพันบัตรรัฐบาล

นายไมเคิล กรีน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนแห่งสถาบันซิมพลิฟี แอสเซจ แมนเนจเมนท์ ให้ความเห็นว่า รายงานข่าวเกี่ยวกับแผนการของบีโอเจเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่อยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในวอลล์สตรีทในวันพฤหัสบดี(27ก.ค.)

อัตราดอกเบี้ยในญี่ปุ่นหนุนให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 4% และลดแรงดึงดูดใจที่มีต่อตลาดหุ้น

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับจีดีพีประจำไตรมาส 2/2566 ในวันพฤหัสบดี โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.4% ในไตรมาสดังกล่าว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.0% และสูงกว่าตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 1 ซึ่งมีการขยายตัว 2.0%

นอกจากนี้ นักลงทุนบางส่วนยังคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ หลังรายงานดังกล่าวระบุว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ปรับตัวขึ้น 2.6% ในไตรมาส 2 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.2% และชะลอตัวจากระดับ 4.1% ในไตรมาส 1

ขณะเดียวกัน ในการซื้อขายบางช่วงก่อนปิดตลาด ตลาดได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์, คอมแคสต์ คอร์ป และแมคโดนัลด์ คอร์ป

ข้อมูลจาก FactSet ระบุว่า 81% ของบริษัทในดัชนี S&P 500 ที่ได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 แล้ว มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

โกลด์แมน แซคส์ออกรายงานระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว แม้ว่านายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจนถึงเรื่องนี้ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังการประชุมเฟดวานนี้

"เรายังคงคาดหวังว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในวันที่ 26 ก.ค.ถือเป็นการปรับขึ้นครั้งสุดท้ายสำหรับวัฏจักรปัจจุบัน โดยนายพาวเวลกล่าวว่าเฟดจะให้ความสำคัญต่อข้อมูลเงินเฟ้อ ซึ่งเราก็คาดว่าตัวเลข CPI ในอนาคตจะชะลอตัวลง เราคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และเฟดจะสรุปในเดือนพ.ย.ว่า เงินเฟ้อได้ชะลอตัวลงอย่างเพียงพอจนทำให้เฟดไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกต่อไป" รายงานระบุ

ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 221,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 235,000 ราย

ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 3,750 ราย สู่ระดับ 233,750 ราย

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลง 59,000 ราย สู่ระดับ 1.69 ล้านราย