MST เผยไตรมาส 2/66 กำไรสุทธิ 66.46 ล้านบาท ลดลง 27.55% เหตุรายได้ค่านายหน้าทรุด

MST เผยไตรมาส 2/66 กำไรสุทธิ 66.46 ล้านบาท ลดลง 27.55% เหตุรายได้ค่านายหน้าทรุด

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เผยไตรมาส 2 ปี 66 กำไรสุทธิ 66.46 ล้านบาท ลดลง 27.55% เหตุรายได้ค่านายหน้า-ค่าธรรมเนียมและบริการทรุด ขณะที่งวด 6 เดือน กำไรสุทธิเหลือ 230.75 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อน

             นายอารภัฏ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MST รายงานผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทมีผลดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 66.46 ล้านบาท ลดลง 25.27 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 27.55 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 91.73 ล้านบาท บริษัทฯ จึงใคร่ขอชี้แจงสาเหตุการเปลี่ยนแปลง ในส่วนที่มีสาระสำคัญดังนี้

1. รายได้ค่านายหน้าลดลง 133.82 ล้านบาท จาก 403.34 ล้านบาท เหลือ 269.52 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 33.18 เนื่องจาก

1.1 รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง 139.57 ล้านบาท จาก 364.56 ล้านบาท เหลือ 224.99 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 38.28 อันเป็นผลจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ลดลงจาก 77,663.48 ล้านบาท/วัน เหลือ 49,964.13 ล้านบาท/วัน หรือลดลงร้อยละ 35.67 และสัดส่วนนักลงทุนบุคคล ซึ่งเป็นส่วนรายได้หลักของบริษัทลดลงจากร้อยละ 39.43 เหลือร้อยละ 32.79 อันเป็นผลให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคลลดลงจาก 30,620.24 ล้านบาท/วัน เหลือ 16,380.71 ล้านบาท/วัน หรือลดลงร้อยละ 46.50

1.2 รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 5.75 ล้านบาท จาก 38.78 ล้านบาท เป็น 44.53 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.83

2. รายได้ค่าธรรมเนียม และบริการลดลง 15.13 ล้านบาท จาก 51.98 ล้านบาท เหลือ 36.85 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 29.11 เนื่องมาจากค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ลดลง 3.13 ล้านบาท ค่าที่ปรึกษาทางการเงินลดลง 13.03 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม และบริการอื่นลดลง 1.74 ล้านบาท ในขณะที่ ค่าธรรมเนียมจากการขาย และการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้น 2.77 ล้านบาท

3. รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 123.99 ล้านบาท จาก 180.84 ล้านบาท เป็น 304.83 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 68.56 เนื่องมาจากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 38.38 ล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยจากเงินฝากในสถาบันการเงิน และพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้น 34.61 ล้านบาท กำไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น 38.57 ล้านบาท และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 12.43 ล้านบาท

4. ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 7.07 ล้านบาท จาก 520.20 ล้านบาท เป็น 527.27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.36 เนื่องมาจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 59.06 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม และบริการจ่ายเพิ่มขึ้น 2.13 ล้านบาท ในขณะที่ ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานลดลง 38.46 ล้านบาท ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 4.49 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่น ลดลง 11.17 ล้านบาท

5. ภาษีเงินได้นิติบุคคล ลดลง 6.74 ล้านบาท จาก 24.22 ล้านบาท เหลือ 17.48 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 27.83 เนื่องมาจากการลดลงของกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ ดังนั้น จึงมีผลทำให้ผลการดำเนินงานสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ลดลงจากผลการดำเนินงานในงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 27.55

             ขณะที่ ผลดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2566 บริษัท มีกำไรสุทธิ 230.75 ล้านบาท ลดลง 142.58 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 38.19 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 373.33 ล้านบาท บริษัท จึงใคร่ขอชี้แจงสาเหตุการเปลี่ยนแปลงในส่วนที่มีสาระสำคัญดังนี้

1. รายได้ค่านายหน้าลดลง 303.99 ล้านบาท จาก 971.03 ล้านบาท เหลือ 667.04 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 31.31 เนื่องจาก

1.1 รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง 316.77 ล้านบาท จาก 891.05 ล้านบาท เหลือ 574.28 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 35.55 อันเป็นผลจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ลดลงจาก 87,341.78 ล้านบาท/วัน เหลือ 58,669.52 ล้านบาท/วัน หรือลดลงร้อยละ 32.83 และสัดส่วนนักลงทุนบุคคล ซึ่งเป็นส่วนรายได้หลักของบริษัทลดลงจากร้อยละ 40.63 เหลือร้อยละ 34.66 อันเป็นผลให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคล ลดลงจาก 35,486.53 ล้านบาท/วัน เหลือ 20,330.29 ล้านบาท/วัน หรือลดลงร้อยละ 42.71

1.2 รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 12.78 ล้านบาท จาก 79.98 ล้านบาท เป็น 92.76 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.98

2. รายได้ค่าธรรมเนียม และบริการลดลง 10.56 ล้านบาท จาก 91.02 ล้านบาท เหลือ 80.46 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ11.60 เนื่องมาจาก ค่าที่ปรึกษาทางการเงินลดลง 16.54 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม และบริการอื่นลดลง 2.43 ล้านบาท ในขณะที่ ค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 5.78 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมจากการขาย และการรับซื้อคืนหน่วยลงทุน เพิ่มขึ้น 2.63 ล้านบาท

3. รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 136.65 ล้านบาท จาก 513.06 ล้านบาท เป็น 649.71 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.63 เนื่องมาจาก รายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 61.19 ล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยจากเงินฝากในสถาบันการเงิน และพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้น 61.40 ล้านบาท และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 28.58 ล้านบาท ในขณะที่ กำไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงินลดลง 14.52 ล้านบาท

4. ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 1.18 ล้านบาท จาก 1,107.12 ล้านบาท เป็น 1,108.30 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.11 เนื่องมาจาก ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 103.95 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มขึ้น 17.73 ล้านบาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานลดลง 114.86 ล้านบาท ค่าธรรมเนียม และบริการจ่ายลดลง 4.17 ล้านบาท และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 1.47 ล้านบาท

5. ภาษีเงินได้นิติบุคคล ลดลง 36.50 ล้านบาท จาก 94.66 ล้านบาท เหลือ 58.16 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 38.56 เนื่องมาจากการลดลงของกำไรก่อนค่า ใช้จ่ายภาษีเงินได้

ดังนั้น จึงมีผลทำให้ผลการดำเนินงานสำหรับงวดหกเดือนสิ้น สุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ลดลงจากผลการดำเนินงานในงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 38.19

 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์