หวั่น! หนี้อสังหาฯ จีนระเบิด เคธี วูด ชิงขายหุ้นจีนเกลี้ยงพอร์ตกองทุนเรือธง

หวั่น! หนี้อสังหาฯ จีนระเบิด เคธี วูด ชิงขายหุ้นจีนเกลี้ยงพอร์ตกองทุนเรือธง

เคธี วูด (Cathie Wood) CEO และผู้ก่อตั้ง ARK Investment กองทุนด้านนวัตกรรมชื่อดัง ชาวสหรัฐ ขายหุ้นที่เชื่อมโยงกับประเทศจีนในพอร์ต ARK Innovation ETF หรือ ARKK เกลี้ยง เหตุเศรษฐกิจจีนเผชิญกับความปั่นป่วนมากมาย

Key Points

  • เคธี วูด CEO และผู้ก่อตั้ง ARK Investment ขายหุ้นที่เชื่อมโยงกับประเทศจีนในพอร์ต ARK Innovation ETF หรือ ARKK จนเหลือศูนย์
  • เธอให้เหตุผลว่าความปั่นป่วนในประเทศจีน และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวคือเหตุผลหลัก
  • อย่างไรก็ตาม ARK Fintech Innovation ETF หรือ ARKF ยังคงถือหุ้น JD.com อยู่ แม้เทเริ่มขายหุ้นจีนบางส่วนออกไป 

เคธี วูด (Cathie Wood) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และผู้ก่อตั้ง ARK Investment กองทุนด้านนวัตกรรมชื่อดัง เปิดเผยต่อสาธารณะเมื่อไม่นานมานี้ว่า ขายหุ้นจีนในพอร์ต ARK Innovation ETF หรือ ARKK ออกหมดจนเหลือศูนย์แล้ว หลังจากเศรษฐกิจจีนเผชิญกับความปั่นป่วนจำนวนมากจนตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) กลับมาโตอย่างชะลอตัว โดยเริ่มให้ความสนใจลงทุนไปในหุ้นที่ที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่าง Tesla, Coinbase, Roku และ Zoom แทน

“เรามักให้ความสำคัญกับการลงทุนในธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งและเรามั่นใจในศักยภาพก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงตลาดหมี (Bear Market) และหลังจากพิจารณาหุ้นในพอร์ตอย่างละเอียด เราจึงตัดสินใจถอนการลงทุนจากหุ้นจีนทั้งหมด” วูดกล่าว 

ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปในช่วงปี 2563 กองทุน ARK Investment มีสัดส่วนหุ้นจีนสูงถึง 25% โดยหุ้นดังกล่าวประกอบด้วย Tencent, KE Holdings รวมถึงหุ้นใน ประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) อื่น 

อย่างไรก็ตามจุดยืนของวูดเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากรัฐบาลจีนออกนโยบายที่มุ่งเป้าโจมตีกลุ่มมหาเศรษฐีในประเทศและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมากขึ้น แม้ปัจจุบันจะเริ่มมีกระแสที่เริ่มเป็นมิตรกับบรรดาผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีของจีนแล้วก็ตาม

นอกจากนี้ วูดยังกังวลถึงปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน และปัญหาหนี้จำนวนมหาศาลของรัฐบาลท้องถิ่น หนึ่งในนั้นคือมูลหนี้จากเครื่องมือทางการเงินอย่าง LGFV หรือ Local Government Financing Vehicles ซึ่งเป็นผลมาจากการเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

วูดกล่าวเสริมว่า “ตัวเลขการเติบโตของจีนโตแบบตัวเลข 2 หลักติดต่อกันมาถึง 15 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการก่อหนี้มหาศาล โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ และตอนนี้ผลลัพธ์ของความพยายามเร่งการเติบโตนั้นเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้น”

ขณะเดียวกัน ปัจจุบันกองทุน ARK Fintech Innovation ETF หรือ ARKF ยังคงถือหุ้น JD.com ในบริษัทอีคอมเมิร์ซชื่อดังของจีน แม้จะมีการเทขายหุ้น Pinduoduo และ Tencent ออกมาจำนวนหนึ่งแล้วก็ตาม

โดยในอนาคต เมื่อตลาดเริ่มกลับเข้าสู่ ภาวะกระทิง (Bull Market) รอบใหม่ วูดอาจกลับเข้ามาลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับประเทศจีนอีกครั้ง เพราะกลยุทธ์การลงทุนของเธอในภาวะเช่นนั้นคือ “กระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ต่างๆ ให้มากที่สุด”

ด้านข้อมูลซึ่งรวบรวมโดยสำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) ระบุว่ากองทุน ARKK ของวูดประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในปีนี้ เพราะสามารถพลิกโตได้มากกว่า 50% หลังจากที่ขาดทุนอย่างมากในช่วงก่อนหน้านี้ โดยปัจจุบันกองทุน ARKK มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) เกือบ 9 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.97 แสนล้านบาท)