ดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุด ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 8 ติดต่อกัน

ดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุด ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 8 ติดต่อกัน

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(19ก.ค.)พุ่งกว่า 100 จุด ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 8 ติดต่อกัน ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่ง รวมทั้งคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 109.28 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 35,061.21 จุด
  • ดัชนีเอสแอนด์พี 500  บวก 0.24%  ปิดที่ 4,565.72 จุด
  • ดัชนีแนสแด็ก บวก 0.03%  ปิดที่ 14,358.02 จุด  

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 109.28 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 35,061.21 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500  บวก 0.24%  ปิดที่ 4,565.72 จุด และดัชนีแนสแด็ก บวก 0.03%  ปิดที่ 14,358.02 จุด  

นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทเน็ตฟลิกซ์ และเทสลา ซึ่งจะมีการเปิดเผยหลังจากปิดตลาดวันนี้

ข้อมูลจาก FactSet ระบุว่า 78% ของบริษัทในดัชนี S&P 500 ที่ได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 แล้ว มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 300 จุดวานนี้ ทำสถิติปรับตัวขึ้น 7 วันติดต่อกัน ซึ่งเป็นช่วงขาขึ้นที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2564 ขานรับคาดการณ์ที่ว่าสหรัฐจะไม่เผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย

โกลด์แมน แซคส์ ออกรายงานปรับลดคาดการณ์โอกาสที่สหรัฐจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้าเหลือเพียง 20% จากเดิมคาดการณ์ที่ 25%

"เหตุผลหลักที่ทำให้เราปรับลดคาดการณ์ดังกล่าวคือข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เรามั่นใจว่าเงินเฟ้อสามารถชะลอตัวลงสู่ระดับที่ยอมรับได้ โดยไม่จำเป็นต้องเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย" นายแจน แฮตซิอุซ หัวหน้านักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ระบุ

นายแฮตซิอุซคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 2.3% ในไตรมาส 2 ขณะที่ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้น และอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.6% ในเดือนมิ.ย.

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.4% ในไตรมาส 2 หลังจากขยายตัว 2.0% ในไตรมาส 1

นอกจากนี้ นายแฮตซิอุซคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้ายในวัฏจักรปัจจุบัน

นักลงทุนเทน้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในสัปดาห์หน้า

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และให้น้ำหนักเพียง 0.2% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25%

นอกจากนี้ ตลาดยังมองว่าเฟดใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังการเปิดเผยยอดค้าปลีก, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ต่ำกว่าคาด โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้เป็นครั้งสุดท้ายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า

ทั้งนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 40.4% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค.2567 โดยให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นจากระดับ 34.7% เมื่อเดือนที่แล้ว