TTB ไตรมาส2/66โชว์กำไร 4.56 พันล้าน โต 33% เหตุรายได้เพิ่มขึ้น -ตั้งสำรองลดลง

TTB ไตรมาส2/66โชว์กำไร 4.56 พันล้าน โต 33% เหตุรายได้เพิ่มขึ้น -ตั้งสำรองลดลง

TTB เผยกำไรไตรมาส 2/66 ที่ 4.56 พันล้าน เพิ่มขึ้น 33% รับรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น และตั้งสำรองลดลง คุมหนี้เสียตามเป้าที่ 2.63% รวมถึงสินเชื่อยังโต ส่งผลให้งวด 6 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 8.86 พันล้าน เพิ่มขึ้น 33.6%

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 2/2566 มีกำไรสุทธิ 4,566.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,438.33 ล้านบาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ ROE ที่ 8.2% จาก 6.5% ในไตรมาส 2/2565

ส่งผลให้งวด 6 เดือนแรกปี 66 มีกำไรสุทธิ 8,860.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.6% จากช่วงดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,633.23 ล้านบาท

โดยไตรมาส 2/2566 ธนาคารมีผลดำเนินงานที่ดี โดยเฉพาะจาก 3 ด้านหลัก ทั้งการเติบโตของรายได้ ความมีวินัยด้านต้นทุน และคุณภาพสินทรัพย็ที่บริหารจัดการได้ดี

ธนาคารตั้งสำรองฯ และ Management Overlayรวมทั้งสิ้นจำนวน 4,244 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อที่ 125 bp ซึ่งลดลง  3 % เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) 

ซึ่งระดับการตั้งสำรองฯ ดังกล่าวสะท้อนถึงแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ที่บริหารจัดการได้ นอกจากนี้สินเชื่อขั้นที่ 3 อยู่ที่จำนวน 40,719 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากไตรมาส 2/2565 และอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 2.63% ในไตรมาส 2/2566 อยู่ในกรอบเป้าหมายที่ตั้งไว้

ทางด้านรายได้จากการดำเนินงาน 17,760 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% ( YoY) จากทั้งรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น14% (YoY) และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น  6% ( YoY) 

ในส่วนอัตราส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (NIM) ขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง (+35 bps YoY) จาการควบคุมต้นทุนทางการเงินที่ดีและอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นตามสภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น

ด้านค่าใช้จ่าย ธนาคารได้ดำเนินการควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ระดับอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ (C/I) ทรงตัวที่44% คุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้สะท้อนจาก risk cost ลดลงอยู่ที่125 bps ระดับสัดส่วนหนี้เสียคงที่ และอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่แข็งแรง อยู่ที่ 144%

โดยรักษาระดับของฐานเงินทุนให้มีความแข็งแกร่งและเหมาะสม พร้อมทั้งรักษาโครงสร้างของเงินฝากเพื่อบริหารต้นทุนทางการเงินให้มีความเหมาะสม ณ สิ้นเดือนมิ.ย.66 เงินฝากรวมอยู่ที่ 1,395 พันล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 0.5% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) 

ทั้งนี้ในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น พบว่าลูกค้ามีความต้องการเงินฝากที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง ส่งผลให้เงินฝากเชิงกลยุทธ์เช่น เงินฝากประจำ Up and Up และ ME เพิ่มขึ้น12% และ 7% (QoQ) ส่งผลให้สัดส่วนเงินฝากประจำเพิ่มขึ้นเป็น 22% ของเงินฝากรวม

ทั้งนี้ สินเชื่อรวม ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2566 ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.4% (QoQ อยู่ที่จำนวน 1,364 พันล้านบาท จากสินเชื่อทั้งกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และลูกค้ารายย่อย ในขณะที่กลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอียังลดลงต่อเนื่องตามแผนการดำเนินงาน

อย่างไรก็ดี สินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยยังคงเป็นกลุ่มสินเชื่อเป้าหมายของธนาคารเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาด อย่างไรก็ดี ด้วยแผนการขยายฐานสินเชื่อไปยังสินเชื่อรายย่อยที่ให้ผลตอบแทนสูง ธนาคารเน้นเติบโตสินเชื่อรายย่อยใหม่อย่างระมัดระวังในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย