ดาวโจนส์บวกกว่า100 จุด ขานรับผลประกอบการแบงก์เติบโตแกร่ง

ดาวโจนส์บวกกว่า100 จุด ขานรับผลประกอบการแบงก์เติบโตแกร่ง

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์ (14ก.ค.)พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของภาคธนาคาร โดยราคาหุ้นเจพีมอร์แกน เชส, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้นในวันนี้ หลังเปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 2/2566

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 113.89 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 34,509.03 จุด
  • ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 0.10%  ปิดที่ 4,505.42 จุด
  • ดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง  0.18% ปิดที่ 14,113.70 จุด 

 

ทั้งนี้ ราคาหุ้น เจพีมอร์แกน เชส, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้นในวันนี้ หลังเปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 2/2566

อย่างไรก็ดี ข้อมูลจาก FactSet ระบุว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทใน ดัชนี S&P 500 จะรายงานตัวเลขกำไรลดลง 7% ในไตรมาส 2/2566 ซึ่งจะเป็นผลประกอบการที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2/2563 ซึ่งขณะนั้นกำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 ทรุดตัวลง 31.6%

ส่วนข้อมูลจาก Refinitiv ระบุว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 จะรายงานตัวเลขกำไรลดลง 6.4% ในไตรมาส 2/2566

ตลาดได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ต่ำกว่าคาด โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งในปีนี้ ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 94.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และให้น้ำหนักเพียง 5.1% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้น้ำหนัก 42.7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 30-31 ม.ค.2567 โดยให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นจากระดับ 18.0% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว