'ตลท.' เปิดแผนฟื้นเชื่อมั่น 'หุ้นไทย'

'ตลท.' เปิดแผนฟื้นเชื่อมั่น 'หุ้นไทย'

ตลท. เปิดแผนเรียกความเชื่อมั่น ดึงเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ ในงานไทยแลนด์โฟกัส 3 ส.ค.นี้ - ขยายฐานนักลงทุนรุ่นใหม่ หลังมูลค่าซื้อขายหุ้นไทยวูบ42% เหตุการเมืองในประเทศยังไม่ชัดเจน -กังวล บจ.ผิดนัดชำระหนี้ แต่คาดดัชนีครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก

ดัชนีหุ้นไทยปีนี้ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องล่าสุด (ณราคาปิด 11 ก.ค.)ลดลง171.77 จุด หรือ 10.29% ขณะที่มูลค่าการซื้อขายปรับตัวลงต่อเนื่องจากเดือนม.ค.2566เฉลี่ย 68,194.17 ล้านบาท  มาอยู่ที่เฉลี่ย  39,313.94 ล้านบาทในเดือนก.ค.(ณ 7 ก.ค.) หรือลดลง 42% (เฉพาะมูลค่าซื้อขายในSET)

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า  ทิศทางตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีหลัง 2566 ยังประเมินได้ยาก เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ยังต้องรอความชัดเจน โดยเฉพาะปัจจัยการเมืองในประเทศ แต่การเมืองไทยมีพัฒนาดีขึ้น หลังจากได้ประธานสภาฯ ส่งผลให้ดัชนีต่างๆ เริ่มปรับตัวดีขึ้น 

\'ตลท.\' เปิดแผนฟื้นเชื่อมั่น \'หุ้นไทย\'

สำหรับความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลง จากกรณีที่มีหุ้นกู้ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)บางแห่งผิดนัดชำระหนี้ ทำให้ผู้ลงทุนมีความกังวลในการลงทุนทั้งตราสารทุนและตราสารหนี้ จึงเห็นแรงเทขายในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก  ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยลดลง ซึ่งเดือนมิ.ย.2566 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในของ SET และ mai อยู่ที่ 47,893 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 33.2%  ขณะที่ช่วงครึ่งปีแรก 2566 มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ 58,670 ล้านบาท  ลดลง 32.8%  (YTD)

ทั้งนี้ยอมรับว่ามูลค่าการซื้อขาย(วอลุ่ม)ที่ปรับลดลงนั้น ถือว่าน่ากังวล โดยสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยนอกประเทศ และปัจจัยในประเทศที่ยังไม่ชัดเจน  ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติที่เข้าออกจากตลาดได้ง่าย ทำให้ปัจจุบันมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 40-50% จากเดิมมีสัดส่วน 30-40% ส่วนนักลงทุนในประเทศมีสัดส่วนลดลงเหลือ50-60%จากเดิมมีสัดส่วน 60-70%

 อย่างไรก็ตามเมื่อสถานการณ์ในประเทศยังมีความไม่ชัดเจนทั้งทิศทางเศรษฐกิจและธุรกิจหลายประเด็น มีแรงขายนักลงทุนต่างประเทศ และนักลงทุนรายย่อยยังเฝ้ารอดูสถานการณ์   ทำให้วอลุ่มในตลาดหุ้นไทยเกิดความไม่สมดุล เพราะถึงแม้ว่าจะสร้างพื้นฐานนักลงทุนรายย่อยได้ 6 ล้านบัญชี แต่ปริมาณการซื้อขายเข้ามาไม่ทันเมื่อเทียบกับปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติทำได้เร็วและมีสัดส่วนมากกว่า

     นายภากร กล่าวว่า ในประเด็นนี้ ทาง ตลท. ให้ความสำคัญ ขณะนี้ได้เตรียมวางแผนสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นไทย หากสถานการณ์ในประเทศคลี่คลายมีความชัดเจนมากขึ้น เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย  ไม่ว่าจะเป็นเตรียมแผนการโปรโมทอุตสาหกรรมและตลาดหุ้นไทย ในงานไทยแลนด์โฟกัสที่จะจัดขึ้นในวันที่ 3 ส.ค.นี้ เตรียมนำเสนอหลากหลายหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมของไทยที่ยังสามารถเป็นแรงดูดให้กับนักลงทุนต่างประเทศได้   

      รวมถึงแผนการโปรโมทกลุ่มนักลงทุนรายย่อย โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ให้เข้าถึงการลงทุนได้เพิ่่มขึ้น  เพราะในวันงาน SET in the City พบว่า เด็กรุ่นใหม่เข้ามาขอข้อมูลการลงทุนและเปิดบัญชีน่าจะทำให้เม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนรายย่อยเข้ามาเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต

    "คาดหุ้นไทยในครึ่งหลังปี 2566 น่าจะปรับตัวดีกว่าครึ่งปีแรก หลังจากผ่านมรสุมใหญ่ทั้งจากปัจจัยในและนอกประเทศมากแล้ว จนถึงปัจจุบันบรรยากาศการลงทุนเริ่มมีพัฒนาการเชิงบวกมากขึ้น ทั้งราคาน้ำมันและเงินเฟ้อเริ่มปรับตัวลดลง ดอกเบี้ยเฟดปรับขึ้นใกล้ถึงสูงสุดแล้ว หนุนการเติบโตเศรษฐกิจไทย "     

    ส่วนกรณีการตรวจสอบหุ้น STARK ทางตลท. ได้มีการดำเนินการร่วมกับ ก.ล.ต. และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด ตั้งแต่มีเหตุการณ์ที่บริษัทเริ่มไม่สามารถส่งงบการเงินได้ และเมื่อเรามีข้อมูลชัดเจนขึ้นก็คงดำเนินการตรวจสอบทำงานร่วมกันอยู่ 

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลท. กล่าวว่า ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมานี้แรงขายหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติยังไม่ได้น่ากลัวนัก และหลังจากการเมืองไทย มีพัฒนาการดีขึ้นหลังได้ประธานสภาฯ ทำให้นักลงทุนบุคคลและสถาบันในประเทศ เริ่มกลับมาซื้อสุทธิในครึ่งแรกปี 2566  

"นักลงทุนเริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น  เพียงแต่ยังรอปัจจัยการเมืองในประเทศของไทย ที่เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากโหวตเลือกประธานสภาฯและเชื่อว่า บรรยากาศการลงทุนครึ่งปีหลัง เริ่มมีพัฒนาการเชิงบวก มากกว่าครึ่งปีแรก"