หุ้นไทยวันนี้ 20 มิ.ย. ตลาดหุ้น ปิดเย็นลบ 19.33 จุด แรงขาย DELTA ไฟแนนซ์ ลิสซิ่ง

หุ้นไทยวันนี้ 20 มิ.ย. ตลาดหุ้น ปิดเย็นลบ 19.33 จุด แรงขาย DELTA ไฟแนนซ์ ลิสซิ่ง

หุ้นไทยวันนี้ (20 มิ.ย.) ตลาดหุ้น ปิดเย็นที่ 1,537.59 จุด ลบ 19.33 จุด หรือ 1.24% “บล.กสิกรไทย” ชี้ หุ้น DELTA กดดัชนีฯ กว่า 21 จุด เหตุติด Cash Balance ประกอบกับแรงกดดันจากจีนชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและแบงก์ชาติจ่อออกมาตรการควบคุมหนี้ครัวเรือน กดดัน กลุ่มไฟแนนซ์ ลีสซิ่ง

ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาด “หุ้นไทยวันนี้”  (20  มิ.ย.) ปิดตลาดอยู่ที่ 1,537.59 จุด ลบ 19.33 จุด หรือ 1.24% โดย “ตลาดหุ้น” ผันผวนในทิศทางปรับตัวขึ้น-ลงตลอดทั้งวัน ซึ่ง ดัชนีตลาดหุ้นไทย ทำจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,532.96 จุด และสูงสุดอยู่ที่ 1,550.46 จุด มูลค่าซื้อขาย 45,937.52 ล้านบาท

หุ้นไทยวันนี้ 20 มิ.ย. ตลาดหุ้น ปิดเย็นลบ 19.33 จุด แรงขาย DELTA ไฟแนนซ์ ลิสซิ่ง

หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่

1. DELTA   มูลค่า 4,375.82 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 96.00 บาท ลดลง 21.50 บาท หรือ 8.30%

2. KBANK มูลค่า 1,720.13 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 129.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 0.38%

3. TTB มูลค่า 1,460.00 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 1.59 บาท ลดลง 0.03 บาท หรือ 1.85%

4. TIDLOR มูลค่า 1,345.26 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 23.30 บาท ลดลง 1.10 บาท หรือ 4.51%

5. AOT  มูลค่า 1,333.24 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 72.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 1.05%

นายสุนทร ทองทิพย์ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย กล่าวว่า วันนี้ดัชนีฯ ปรับตัวลงอย่างร้อนแรงเนื่องจากทั้งหมด 3 ปัจจัย

  1. หุ้นบริษัทเดลต้า อิเล็กทรอนิกส์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ปรับตัวลงอย่างหนักเพราะติด Cash Balance โดยดึงดัชนีฯ ลงกว่า 21 จุด
  2. บรรยากาศการลงทุนโดยรวมในจีนและฮ่องกงไม่สดใสเพราะทางการจีนชะลอการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
  3. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จ่อออกมาตรการควบคุมหนี้ครัวเรือนของไทยกระทบกลุ่มไฟแนนซ์-ลิสซิ่ง

สำหรับวันพรุ่งนี้ (21 มิ.ย.) ดัชนีฯ มีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบแนวรับช่วง 1,535 - 1,520 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,555 จุด โดยดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวดีกว่าวันนี้หาก DELTA ไม่ปรับตัวลงต่อ, บรรยากาศการลงทุนในภูมิภาคไม่ชะลอตัว และหากทางการจีนประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม

“สำหรับประเทศไทยไม่มีประเด็นอะไรเพิ่มเติมมากนัก นอกไปจากประเด็นการเมือง และความชัดเจนเรื่องเก้าอี้นายกรัฐมนตรีและประธานสภาฯ”

ทั้งนี้ สำหรับการลงทุนระยะสั้นควร พิจารณาหุ้นรายตัว (Selective Buy) ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและคาดว่ากำไรไตรมาส 2 ออกมาสดใส รวมทั้งได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน คือ MINT SNNP และ AAV