บททดสอบหุ้น TOA – DPAINT ใต้กลุ่ม “ตั้งคารวคุณ”

บททดสอบหุ้น TOA – DPAINT ใต้กลุ่ม “ตั้งคารวคุณ”

ความน่ากลัวของการลงทุนในตลาดหุ้นไทยคือ เจอ “หุ้นที่สร้างราคา” จนทำให้รายย่อยติดดอยเป็นจำนวนมาก แต่ยังเสียหาย และเจ็บใจน้อยกว่า หุ้นที่ “ทุจริต และตกแต่งบัญชีแบบจงใจ” ที่ไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่น และความไว้วางใจ จากนักลงทุนได้อีกเลย

     ปรากฏการณ์งบการเงินปี 2565  บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เผยให้เห็นกลไกการทุจริต ผ่านการนำเงินออกนอกบริษัทอย่างชัดเจน และยังใช้เงินเพิ่มทุนจากเงินนักลงทุน –ประชาชน ผ่านกองทุน แบบผิดวัตถุประสงค์  ทำให้ยากที่จะเรียก “ศรัทธาที่ติดลบกลับมาบวกได้อีกครั้ง”

      รวมไปถึงข้อกังขาต่อธุรกิจกลุ่ม “ตั้งคารวคุณ”  ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าสัวใหญ่รายหนึ่งของประเทศไทย   ที่ได้แตกแขนงไปเป็น 2 กลุ่ม จากพี่น้อง 7 คน คือ "สงวน - ประเสริฐ  - ประจักษ์ - บรรเจิด - อาจณรงค์ - อรสา และ ประวิทย์"  มาสู่ธุรกิจสีทาบ้านเบอร์ 1 ของไทย

         โดยมี “ ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ”  แยกตัวมาตั้งบริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA  และมีทายาท วนรัชต์ – ณัฏฐวุฒิ – บุศทรี และจตุภัทร์ 

     อีกด้าน“อาจณรงค์  ตั้งคารวคุณ” หันมาสร้างอาณาจักรของตัวเอง ตั้ง บริษัท  สีเดลต้า จำกัด (มหาชน) หรือ DPAINT ซึ่งมีทายาท รณฤทธิ์  - อรรถพล  และวาณุภัณฒ์  และทั้ง 2 บริษัทตบเท้าเข้าตลาดหุ้นไทยสร้างความมั่งคั่งให้กับทั้ง 2 บริษัททันที

      ด้านความสัมพันธ์ความเกี่ยวโยงทาง ธุรกิจมีความชัดเจนไม่มีการดำเนินการใดๆ กับ STARK ตามที่ทั้ง 2 บริษัทได้ชี้แจงไปแล้ว  แต่อาการของราคาหุ้นที่กรณี STARK ปะทุประเด็นใหม่ขึ้นเมื่อไรจะมีผลต่อราคาหุ้นโดยปริยาย

  ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นในครึ่งเดือนแรกมิ.ย. TOA ราคาลดลงมากที่สุด จาก 33.50 บาท (31 พ.ค.)  ต่ำสุด 22.00 บาท  (19 มิ.ย.) มูลค่าตลาด  53,261 ล้านบาท  จากปลายปี 2565 ที่ 68,478 ล้านบาท หรือลดลงเกือบ  30%   ความมั่งคั่งหายไป 15,217  ล้านบาท

       หุ้น DPAIN ถือว่าได้รับผลน้อยกว่า ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นในครึ่งเดือนแรก มิ.ย.ราคาลดลงมากที่สุด จาก 5.85 บาท (31 พ.ค.)  ต่ำสุด 5.20 บาท  (19 มิ.ย.) มูลค่าตลาด  1,219 ล้านบาท  จากปลายปี 2565 ที่ 2,185 ล้านบาท หรือลดลงเกือบ  80%   ความมั่งคั่งหายไป  966 ล้านบาท

     ความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ไม่ต่อตรงไปยัง STARK ทำให้ความเสียหายด้านราคาหุ้นจึงมีการรีบาวด์  หากแต่ในด้านเครดิตทางการเงินหรือทางธุรกิจผ่านครอบครัว “ตั้งคารวคุณ”  กลับเป็นสิ่งที่เสียหายมากกว่า

      จากการตรวจสอบและไล่เช็กบิลผู้กระทำความผิด STARK ยังต้องรอพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และไม่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทุจริตของ    “วนรัชต์”   ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และเป็นผู้นำมือการเงิน “ชนินทร์ เย็นสุดใจ”  ในฐานะประธานกรรมการบริษัท และ ประธานกรรมการบริหาร เข้ามาทำดีลตั้งแต่ซื้อกิจการ กิจการทางอ้อม (Backdoor Listed)   แต่งตั้งให้เป็นผู้บริหารกิจการ

      ที่สำคัญและใช้ชื่อเสียง – นามสกุลของตัวเอง เสนอขายหุ้นให้กับนักลงทุนรายใหญ่ และ กองทุน เพิ่มฟรีโฟลต หนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่ และซื้อหุ้นจาก “วนรัชต์”  ยอมเปิดว่า "เชื่อมั่นในตัวบุคคล และครอบครัว"  ในการดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน และมีความชำนาญเชี่ยวชาญในธุรกิจ  จึงมีความเชื่อมั่นในระดับหนึ่งในการเข้าลงทุนในหุ้น STARK 

     การดำเนินธุรกิจด้วยการดำรงธรรมาภิบาลเป็นการทำได้ยากภายใต้ตลาดหุ้นต้องการบริษัทที่ทำกำไร และเติบโตอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งย่อมต้องแลกมากับการเติบโตที่ฉาบฉวยไม่ยาวนาน หากแต่การรักษาการเติบโตให้สม่ำเสมอ มีธรรมาภิบาลในองค์กร และผู้มีส่วนได้เสียในตลาดทุน กลับทำให้กลายเป็นบริษัทที่อยู่ได้นานด้วยความภาคภูมิใจในระยะยาว

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์