STARK ร่วงติดฟลอร์ งบปี 65 ขาดทุนยับ พบทุจริต หุ้น TOA โดนลูกหลงดิ่งเฉียด 13%

STARK ร่วงติดฟลอร์ งบปี 65 ขาดทุนยับ พบทุจริต หุ้น TOA โดนลูกหลงดิ่งเฉียด 13%

เปิดตลาดเช้าวันนี้ 19 มิ.ย.66 ราคาหุ้น STARK ดิ่งลงมาอยู่ที่ระดับ 0.06 บาท  ลดลง 0.02 บาท หรือ -25.00% ขณะที่ TOA โดนลูกหลงไปด้วยจากการที่ วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ เข้าถือหุ้นอันดับ 2 และเป็นทายาทคนโตของตระกูล “ตั้งคารวคุณ” ร่วงลงมาอยู่ที่  27.00 บาท ลดลง 4.00  บาท หรือ -12.90%

จากกระแสร้อนแรงของกรณีหุ้นSTARK หลังจากที่ได้ประกาศงบการเงินประจำปี 2565 วันศุกร์ ที่ 16 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา ถึงกับต้องผงะ เมื่อพบว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทขาดทุนย่อยยับ 6,651 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของเจ้าของติดลบ 4,404 ล้านบาท และมีการตกแต่งบัญชีมูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาท  

ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ประกาศให้ STARK เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน ติดขึ้นเครื่องหมาย NC กรณีส่วนผู้ถือหุ้นมีค่าน้อยกว่าศูนย์ และขึ้น SP อีกรอบ 1 ก.ค. เป็นต้นไป จนกว่าจะแก้ไขเสร็จ พร้อมเตือนผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลในงบการเงินปี 2565 และรายงานผล special audit

และเป็นไปตามคาด เปิดตลาดเช้าวันนี้ (19 มิ.ย.66) ราคาหุ้น STARK ดิ่งลงมาอยู่ที่ระดับ 0.06 บาท  ลดลง 0.02 บาท หรือ -25.00% ขณะที่ TOA โดนลูกหลงไปด้วยจากการที่ วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ เข้าถือหุ้นอันดับ 2 และเป็นทายาทคนโตของตระกูล “ตั้งคารวคุณ” ร่วงลงมาอยู่ที่  27.00 บาท ลดลง 4.00  บาท หรือ -12.90%

กิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจว่า หุ้น STARK ไม่ได้มีความน่าสนใจในการลงทุนหลังจากที่งบการเงินปี 2565 ออกมาธุรกรรมต่างๆ ที่ทำให้เกิดน่าสงสัย ทำให้หุ้น STARK เสียความเชื่อมั่น ขณะที่ในส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ และได้มีการแก้ไข ทำให้ต้องบีบบังคับให้ STARK เข้าแผนฟื้นฟู 

“อย่างไรก็ตาม แม้ว่า หุ้น STARK ยังทำให้เสียความเชื่อมั่นจากทั้งตลาดทุน และผู้ให้กู้ยืมเงินไปพร้อม ๆ กัน ในการฟื้นฟูกิจการก็อาจจะทำได้ค่อนข้างยาก เลยอาจมองไปในกรณีเลวร้ายสุดถ้าต้องโดนล้มละลาย เนื่องจาก  STARK มีเงินสดในมือจากงบการเงินที่ส่งมาล่าสุด สิ้นปี  2565 อยู่ที่ 6,000 ล้านบาท และมีหนี้สินจากเงินกู้ธนาคาร และจากหุ้นกู้ต่างๆ  รวมกันแล้วตีเป็น 3 เท่าของเงินที่มี เพราะฉะนั้นถ้าเรามองในทางเลวร้ายสุดอาจจะต้องล้มละลาย  ผู้ถือหุ้นกู้อาจจะได้เงินคืนแต่ไม่ 100% เพราะจากตัวเลขที่เห็น ณ ขณะนี้อาจจะได้คืน 1 ใน 3 ทั้งหมดเป็นการคิดแบบคร่าวๆ ในการตั้งสมมติฐานกรณีเลวร้ายที่อาจจะไม่สามารถฟื้นฟูกิจการได้”

นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงอีกว่า ตัวเลขที่เห็นอยู่ ณ ขณะนี้เป็นตัวเลขสิ้นปี 2565 และผ่านมาแล้ว 6 เดือนยังไม่สามารถรับรู้ได้ว่า เงินสดที่เห็น 6,000 ล้านบาท ขณะนี้เหลืออยู่เท่าไร หรือการนำไปใช้กับเรื่องอะไรบ้าง เพิ่มขึ้นหรือลดลงตรงนี้ก็ยังไม่สามารถมองเห็นได้

ทั้งนี้ ถ้าเราดูแล้วมีความเป็นไปได้ว่า เจ้าหนี้คงจะได้เงินคืนมาบ้าง แต่ไม่ทั้งหมด ขณะที่ในฝั่งด้านผู้ถือหุ้นอาจจะต้องเหนื่อยเนื่องจากว่า หลังจากที่ STARK ขาดความเชื่อมั่นไปแล้ว การจะทำธุรกิจหรือการจะฟื้นมูลค่ากิจการคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไร

ขณะที่ หุ้นTOA มีการปรับตัวลงมาไม่ได้เยอะมาก ซึ่งต้องทำความเข้าใจว่า ในความเป็นจริงแล้วธุรกิจไม่ได้มีความเกี่ยวโยงกัน แม้จะนามสกุลเดียวกันก็จริงแต่ว่าไม่มีโครงสร้างการถือหุ้นระหว่างกัน ขณะเดียวกันบริษัทก็ได้ออกมาให้ภาพ STARK  เป็นธุรกิจของวนรัชต์ ทางจิตวิทยาอาจจะมีลบบ้าง แต่ว่า เราจะเห็นว่า ไม่ได้มีเกี่ยวโยงกัน และไม่จำเป็นที่จะต้องไปอุ้ม STARK เพราะผู้บริหาร และบอร์ดก็ไม่ได้มีความเกี่ยวโยงกัน 

ประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้ที่น่าติดตามว่า STARK จะต้องดำเนินธุรกิจอย่างไร ไปได้หรือไม่ และต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟูหรือไม่ หรืออาจจะต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลายเพราะว่า ผ่านใต้สถานการณ์อย่างนี้เป็นลบ เนื่องจากมีหนี้สินล้นพ้นตัว หากเข้าข่ายล้มละลายก็ต้องมีการยื่นฟ้องล้มละลายต่อไป แต่ด้วยความที่ STARK พอมีสินทรัพย์อยู่ในระดับหนึ่งคาดว่าน่าจะเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูก่อนมากกว่า แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการพูดคุยกับเจ้าหนี้ด้วย 

สำหรับ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น หรือ STARK ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีที่สะเทือนวงการตลาดหุ้นไทยตลอดระยะเวลา 2 - 3 เดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ กรรมการ ไม่สามารถนำส่งงบการเงินประจำปี 2565 ได้ตามเวลาที่กำหนด และพยายามยื่นเรื่องขอขยายเวลาออกไปหลายครั้ง 

กราฟแสดงราคาหุ้น STARK ย้อนหลัง 3 เดือน ถึง ณ 19 มิ.ย.66

กราฟหุ้น TOA แสดงผลงานราคา ณ วันที่ 16 มิ.ย.66

กระทั่งเมื่อวันศุกร์ ที่ 16 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา ได้มีประกาศงบการเงินประจำปี 2565 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2565 ถึงกับต้องผงะ เมื่อพบว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทขาดทุนสุทธิ 6,651 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 11.04% จากปีก่อน ส่วนรายได้รวม 25,725.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.57% จากปีก่อน ทั้งนี้สาเหตุหลักมาจากการขาดทุนจากการดำเนินงาน การตั้งสำรองด้อยค่าของสินทรัพย์ และเงินลงทุน ผลขาดทุนด้านเครดิต รวมถึงขาดทุนจากสินค้าสูญหาย

ขณะที่ในส่วนของสินทรัพย์รวม 34,162 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน และมีหนี้สิน 38,566 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.8% จากปีก่อน ส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ 4,403 ล้านบาท เนื่องจากมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน

นอกจากนี้ ผู้บริหารชุดใหม่ ยังพบข้อผิดพลาดหลายประการในงบการเงินปี 2564 ทำให้ต้องทำการปรับตัวเลขเปรียบเทียบย้อนหลัง ส่งผลให้ปี 2564 บริษัทมีผลขาดทุน 5,989.3 ล้านบาท จากเดิมที่มีกำไร 2,794.9 ล้านบาท และมีรายได้ 19,055 ล้านบาท จากเดิมที่มีรายได้ 25,213.1 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ยังพบว่า มีการจ่ายเงินล่วงหน้าค่าสินค้าผิดปกติ โดยบริษัทได้โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารพาณิชย์ในไทย ไปให้ผู้ขายวัตถุดิบในต่างประเทศด้วยสกุลเงินบาท เป็นเงินมูลค่า 7,976 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดที่ผิดปกติอย่างมาก เนื่องจากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทไม่เคยจ่ายเงินค่าสินค้าจำนวนมากเช่นนี้มาก่อน

และยังได้มีการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษในระยะแรก (Special Audit) พบมีรายการขายผิดปกติ 202 รายการ มูลล่า 8,063 ล้านบาท ในปี 2565 และปี 2564 มูลค่า 3,893 ล้านบาท โดยมีลักษณะการจ่ายเงินไม่ปกติ ปลอมแปลงชื่อผู้จ่าย และจ่ายเงินจากบัญชีจากบัญชีของอดีตเจ้าหน้าที่ของบริษัทแทนลูกค้า อีกทั้งยังพบว่า มีสินค้าคงเหลือผิดปกติ ที่ยอดติดลบในระบบสารสนเทศของบริษัทอีก 3,140 รายการ

สำหรับรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ STARK 10 อันดับแรก    
ลำดับ 1 นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ 
ลำดับ 2 CREDIT SUISSE AG, SINGAPORE BRANCH     
ลำดับ 3 Stark Investment Corporation Limited    
ลำดับ 4 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด    
ลำดับ 5 กองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นระยะยาว    
ลำดับ 6 SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED    
ลำดับ 7 MR. Vonnarat Tangkaravakoon    
ลำดับ 8 นายณัฐภัทร ศุภนันตฤกษ์    
ลำดับ 9 นายนเรศ งามอภิชน    
ลำดับ 10 บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)    

ด้าน จตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TOA หรือ บมจ.ทีโอเอ  เพ้นท์ (ประเทศไทย) ทายาทรุ่นที่  2 ของตระกูล และเป็นน้องชายของ วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ได้ออกมาชี้แจงและยืนยันว่า หากดูโครงสร้างการถือหุ้นของ วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ซึ่งเป็นพี่ชายที่มีอยู่ 9% ไม่มีนัยสำคัญกับ TOA ไม่เกี่ยวกับ TOA 

"ผมมองว่า บทบาทของเราเหมือนคนนอกที่มองเข้าไป ส่วนอนาคตคงตอบไม่ได้ เพราะยังอีกไกล ไม่ใช่ว่าเราอยากช่วยแล้วจะทำได้ เพราะเป็นธุรกิจส่วนตัวของทางโน้น ซึ่งไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง แต่หากมีการนำเสนอข้อมูลอย่างเป็นทางการแล้วคงต้องคุยกันในครอบครัว ซึ่งคงเร็วไปที่ตอบอะไรเวลานี้"


อย่างไรก็ตาม ประเด็นร้อนของหุ้น STARK ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ และยังคงต้องจับตาในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จะเรียกจัดประชุมเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้ ชุดที่ STARK245A STARK255A และ STARK242A เพื่อพิจารณาประเด็น Cross Default เหตุผิดนัดไขว้ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

 

 

 

 


พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์