ปัจจัยลบกระหน่ำหุ้น “ลิสซิ่ง” ทำราคาร่วงเกือบยกกลุ่ม

ปัจจัยลบกระหน่ำหุ้น “ลิสซิ่ง”  ทำราคาร่วงเกือบยกกลุ่ม

“ลิสซิ่ง” หรือ “เช่าซื้อ” มีปัจจัยลบเข้ามากดดันราคาหุ้น และผลประกอบการอย่างต่อเนื่อง หลังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่กระจาย และกระจุกในบางกลุ่ม เพราะปัญหาเงินเฟ้อ – ดอกเบี้ยขาขึ้น – หนี้ครัวเรือนที่สูงมาก และการเข้ามาคุมทั้งระบบเต็มตัวของแบงก์ชาติ

      เฉพาะปัจจัยหนี้ครัวเรือนที่สูงอย่างต่อเนื่องทำให้การปล่อยสินเชื่อใหม่ทำได้ยากขึ้น และต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้นไปอีก ขณะที่การติดตามทวงหนี้ในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ได้ฟื้นตัวทุกกลุ่มธุรกิจเพราะกระจุกตัวที่กลุ่มท่องเที่ยวที่มีความชัดเจนเติบโตมากที่สุด ทำให้โอกาสเกิดหนี้สูญ หรือ NPL เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว

     ยังไม่นับรวมกับนโยบายการเงินของไทยที่ยังเป็นวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น แม้จะคาดการณ์ว่าอยู่ในช่วงปลายของดอกเบี้ยขาขึ้นแล้ว หลังมีการประเมินเงินเฟ้อไทยเดือนพ.ค.2566 เพิ่มขึ้น 0.53% (YoY) ทำจุดต่ำสุดในรอบ 21 เดือน และต่ำกว่าตลาดคาดอย่างมีนัยสำคัญที่1.5-1.7% (YoY) ทำให้ค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อ ทั้งปีไม่น่าจะสูงกว่าเป้าหมายกรอบบนของ กนง. ที่ 3% จึงมีการคาดการณ์ว่า กนง. จะเริ่มคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 2 ส.ค.2566 ช่วยลดแรงกดดันต่อภาคธุรกิจที่มีต้นทุนการกู้ยืม ซึ่งรวมถึงธุรกิจลิสซิ่ง ที่มีต้นทุนการเงินจากการออกตราสารการเงิน และสินเชื่อ

       ดังนั้นจึงเป็นที่มาแบงก์ชาติ กำกับดูแลธุรกิจการให้เช่าซื้อ และการให้เช่าแบบลิสซิ่งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา กำหนดให้การประกอบธุรกิจทางการเงินบางประเภท อยู่ภายใต้บังคับของ พ.ร.บ. ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 พ.ศ....

       ขณะนี้ร่างกฎหมายกำกับดูแลธุรกิจการให้เช่าซื้อ และการให้เช่าแบบลิสซิ่งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกาโดย ธปท. อยู่ระหว่างเตรียมการรองรับการดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าว เช่น การทยอยหารือกับผู้ประกอบธุรกิจ และผู้บริโภค เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ ธปท. จะสามารถเข้ากำกับดูแลฯ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค และดูแลเสถียรภาพด้านการเงินได้อย่างเหมาะสม

      จากประเด็นดังกล่าวเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า แบงก์ชาติเข้ามาคุมเข้มเบ็ดเสร็จ ซึ่งได้มีการทยอยทำความเข้าใจกับสมาคมที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการ รวมถึงราคาหุ้นในกลุ่มลิสซิ่งช่วงต้นปีที่ผ่านมาตอบรับข่าวที่เข้ามากระทบไปในทิศทางลบ ซึ่งส่งผลทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่อง

     โดยหุ้นที่ยังบวกสวนกลุ่มได้ถือว่าเป็นรายใหญ่ในตลาด ทั้ง MTC ราคาหุ้นปรับตัวบวกตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 8.55% ช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ยังมีสินเชื่อคงค้างกว่า 125,744 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.51% แต่ NPL เพิ่มขึ้นเช่นกันที่ระดับ 3.1%

      ขณะที่ SAWAD ปรับตัวบวก 12% แต่ยังมีแรงกดดันจากแนวโน้มหนี้ NPL ในไตรมาส 2/2566 ยังคงสูงแม้สินเชื่อเติบโตได้ดี ทำให้กดดันการตั้งสำรองหนี้เป็นขาขึ้น รวมไปถึงปัญหายอดรถที่ถูกยึดเพิ่มสูงขึ้น ยิ่งทำให้ NPL จะพีคสุดในปีหน้า

     และ NCAP เพิ่มขึ้นมากถึง 70% หลังจากเน้นลิสซิ่งรถจักรยานยนต์ ซึ่งเผชิญปัญหา NPL ไม่ต่างกันที่ 2.2 % แต่มีการเพิ่มพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกที่เติบโตดี และความเสี่ยงต่ำ รวมถึงขยายธุรกิจจำนำทะเบียนเล่มภายใต้ “บริษัท เน็คซ์ มันนี่ จำกัด” 

     บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี พัฒนสิน ประเมินจะมีการดูแลเรื่องการดำเนินธุรกิจ เช่น Loan to Value (LTV) และ Market Conduct เป็นต้น เป็นปัจจัยถ่วงกลุ่มเช่าซื้อไปจนกว่าจะมีความชัดเจน เช่น กรณี LTV อาจกระทบต่อการเติบโตสินเชื่อระยะถัดไป ทั้งนี้กลุ่มธนาคารที่มีความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อสูงอยู่แล้วหากปรับลงมองโอกาสสะสม เน้น BBL, KBANK, TTB

 

 

 


พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์