'ขันเงิน ไทยเทเนี่ยม' กำไร MPICแล้วเฉียด 2 พันล้าน แม้ยังไม่รับโอนหุ้น

'ขันเงิน ไทยเทเนี่ยม' กำไร MPICแล้วเฉียด 2  พันล้าน  แม้ยังไม่รับโอนหุ้น

ยังไม่ทันโอนหุ้น MPIC 'ขันเงิน ไทยเทเนียม' กำไรไปแล้วเฉียด 300% หรือราวๆ 2 พันล้าน  ซึ่งเตรียมโอนหุ้นจำนวน 1.2 พันล้านหุ้น จากMAJOR พรุ่งนี้ (26 พ.ค.)

หุ้น บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPIC ปรับตัวขึ้นชนเพดานการซื้อขายสูงสุด(ซิลลิ่ง) 2 วันซ้อน หลังจากปรากฎชื่อแรปเปอร์ดัง "ขันเงิน เนื้อนวล" หรือ "ขันเงิน ไทยเทเนียม" เป็นผู้ซื้อหุ้น จาก บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR จำนวน 1,202.13 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 92.46% ที่ราคาหุ้นละ 0.54 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 650 ล้านบาท 

โดย ขันเงิน ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นไปเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2566 กับทาง MAJOR ซึ่งทาง MAJOR จะทำการโอนหุ้นดังกล่าวให้กับ “ขันเงิน" ในวันที่ 26 พ.ค. 2566  หรือในวันอื่นใดที่คู่สัญญาจะได้ตกลงกันเป็นลายลักษณ์อักษร

ขณะที่ราคาหุ้น MPIC ล่าสุดวันนี้(25พ.ค.) ปิดตลาดที่ 2.16 บาท เทียบกับราคาที่ "ขันเงิน" ซื้อต่อจาก MAJOR ที่หุ้นละ 0.54 บาท เท่ากับว่า "ขันเงิน" มีกำไรจากการซื้อขายดังกล่าวไปแล้วราว 1.62 บาทต่อหุ้น หรือประมาณ 300% คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1,948 ล้านบาท

 

 

 

 ทั้งนี้ ขันเงิน ไทยเทเนียม ได้เข้าเป็นผู้ซื้อหุ้น MPIC นายชินวัฒน์ อัศวโภคี  เป็นเพราะสัญญาณแปลงหนี้ใหม่ระหว่างนายชินวัฒน์ กับ ขันเงิน เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2566 ที่นายชินวัฒน์ ได้โอนสิทธิ และหน้าที่ให้ภายใต้บันทึกข้อตกลงการซื้อขายหุ้น ให้กับขันเงิน

อย่างไรก็ตาม เมื่อ “ขันเงิน ไทยเทเนียม” ได้รับโอนหุ้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว “ขันเงิน ไทยเทเนียม” มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมด(เทนเดอร์ฯ) ของ MPIC ที่เหลืออีก 97.98 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 7.54%จากผู้ถือหุ้นรายย่อยตามหลักของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

ปัจจุบัน MPIC  ประกอบธุรกิจลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจด้านภาพยนตร์ โดยผ่านทางบริษัทย่อยต่างๆ เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับการจัดซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ไทย และต่างประเทศ และธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย เพื่อจัดจำหน่ายผ่านโรงภาพยนตร์ พร้อมทั้งการขายลิขสิทธิ์ให้สื่อทางทีวีในรูปแบบของ Cable TV, Free TV, Internet, IPTV, Video on Demand เป็นต้น

ด้านผลการดำเนินงานของย้อนหลังในช่วง 4 ปี ย้อนหลัง (2562-2565) และงวดไตรมาส 1 ปี 2566  โดยปี 2562  มีรายได้รวม 457.92 ล้านบาท , 290.10 ล้านบาท , 165.76 ล้านบาท , 292.55 ล้านบาท และ 30.48 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิปี 2562 จำนวน 17.55 ล้านบาท ปี 2563 ขาดทุน 64.38 ล้านบาท ปี 2564  ขาดทุน 20.80 ล้านบาท ปี 2565 กำไร 24.97 ล้านบาท และไตรมาส 1 ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 2.87 ล้านบาท 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์