'บัฟเฟตต์' ขายหุ้น TSMC เกลี้ยง จากปัญหาจีน-ไต้หวัน เผยญี่ปุ่นน่าลงทุนกว่า

'บัฟเฟตต์' ขายหุ้น TSMC เกลี้ยง จากปัญหาจีน-ไต้หวัน เผยญี่ปุ่นน่าลงทุนกว่า

“วอร์เรน บัฟเฟตต์” นักลงทุนชื่อดังชาวสหรัฐ เทขายหุ้น TSMC บริษัทผลิตชิปชั้นนำจากไต้หวัน เกลี้ยงพอร์ต เหตุความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์รุนแรงขึ้น เผยรู้สึกดีมากกว่าที่จะลงทุนในญี่ปุ่น   

Key Points

  • บัฟเฟตต์ เทขายหุ้น TSMC บริษัทผลิตชิปชั้นนำจากไต้หวันเกลี้ยงพอร์ต
  • ความตึงเครียดในไต้หวันและจีนเพิ่มมากขึ้น
  • บัฟเฟตต์เผยสนใจลงทุนในญี่ปุ่นมากกว่าไต้หวัน
  • TSMC ประเมิน ยอดขาย Q2/66 อยู่ประมาณ 1.52 หมื่นล้านดอลลาร์ ถึง 1.6 แสนล้านดอลลาร์

บริษัท เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ (Berkshire Hathaway) ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนระดับตำนวน ชาวสหรัฐ ยุติการลงทุนในหุ้นของบริษัท บริษัท ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์​ แมนูแฟคเจอริง คอมปานี (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company) หรือ TSMC ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชั้นนำระดับโลกของไต้หวัน จากความตึงเครียดในภูมิภาคที่ร้อนแรงมากขึ้น

โดย หนังสือชี้ชวนการลงทุนของบริษัท เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ ระบุว่า บริษัทฯ ขายหุ้น TSMC ออกจากพอร์ตการลงทุนหมดแล้ว ซึ่งเมื่อปีที่แล้วได้ลดการถือครองหุ้นดังกล่าวลง 86% จนกระทั่งส่งผลให้หุ้น TSMC ร่วงลงอย่างหนัก 

 

ทั้งนี้ บัฟเฟตต์ ให้เหตุผลกับนักลงทุนถึงการยุติการสนับสนุนดังกล่าวว่าเป็นเพราะความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์บริเวณเกาะไต้หวันที่เพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม บัฟเฟตต์ ยังคงยกย่องว่า TSMC เป็น “องค์กรที่ยอดเยี่ยม” และเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีระบบการจัดการที่ดีที่สุด รวมทั้งยังเป็นบริษัทที่สําคัญที่สุดในโลกด้วย

“ไม่มีบริษัทชิปไหนในโลกที่อยู่ในน่านน้ำเดียวกัน TSMC แต่สิ่งเดียวที่เป็นปัญหา คือที่ตั้งของบริษัท” บัฟเฟตต์กล่าวระหว่างงานประชุมสำคัญ ในเมืองโอมาฮา รัฐเนแบรสกา สหรัฐ

ทั้งนี้ ผู้กำหนดนโยบายและกลุ่มลูกค้าทั่วโลกต่างเริ่มมีท่าทีระมัดระวังในการพึ่งพาเทคโนโลยีจากไต้หวันมากขึ้น ผ่านการลดระดับการพึ่งพาให้อยู่ในเกณฑ์พอดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจีนแผ่นดินใหญ่อ้างว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของตัวเอง 

โดยปัจจุบัน TSMC อยู่ในช่วงเพิ่มกำลังการผลิตในสหรัฐและญี่ปุ่น ท่ามกลางความกดดันให้บริษัทฯ ย้ายฐานการผลิตชิปขั้นสูงไปต่างประเทศ

นอกจากนี้ บัฟเฟตต์ยังกล่าวในการประชุมด้วยว่า เขาชอบลงทุนในญี่ปุ่น มากกว่าไต้หวัน

“ผมรู้สึกดีที่ใช้เงินลงทุนในญี่ปุ่นมากกว่าไต้หวัน ความเป็นจริงผมก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้น แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะมันคือความเป็นจริง”

สำหรับไตรมาส 2 ปี 2566 TSMC คาดว่าจะมียอดขายอยู่ที่ 1.52 หมื่นล้านดอลลาร์ ถึง 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์  (ประมาณ 5.016 แสนล้านบาท ถึง 5.28 แสนล้านบาท) ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.61 หมื่นล้านดอลลาร์  (5.313 แสนล้านบาท)

ท้ายที่สุดบทวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า สำหรับปีนี้และปีต่อ ๆ ไป TSMC ต้องรับมือกับความไม่แน่นอนของดีมานด์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่คงที่อยู่ในระดับสูง และแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่มีมากขึ้น