รัฐบาลก้าวไกล ต้องจับตา หุ้นกลุ่มไหนได้ - เสียประโยชน์

รัฐบาลก้าวไกล ต้องจับตา หุ้นกลุ่มไหนได้ - เสียประโยชน์

การจับขั้วรัฐบาลของพรรคก้าวไกล และนโยบายเศรษฐกิจ ถ้าส่องเข้าไปดูในตลาดหุ้นไทยทั้งหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ และกลุ่มที่คาดว่าจะเสียประโยชน์

หลังจากที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล ที่ออกมาประกาศพร้อมเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ โดยเบื้องต้นได้เชิญ 5 พรรคการเมืองเข้าร่วม ได้แก่ พรรคเพื่อไทย,พรรคประชาชาติ,พรรคไทยสร้างไทย,พรรคเสรีรวมไทย และพรรคเป็นธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก หลังพรรคก้าวไกลได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนอย่างท่วมท้นในอันดับ 1 พร้อมเตรียมจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้สูญญากาศทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้การจับขั้วรัฐบาลของพรรคก้าวไกล และนโยบายเศรษฐกิจ ถ้าส่องเข้าไปดูในตลาดหุ้นไทยทั้งหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ และกลุ่มที่คาดว่าจะเสียประโยชน์

 

รัฐบาลก้าวไกล ต้องจับตา หุ้นกลุ่มไหนได้ - เสียประโยชน์

ประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจว่า การจับขั้วรัฐบาลเป็นกลุ่มฝ่ายค้านเดิม เพราะถือว่าเคยทำงานร่วมกันมาตอนเป็นฝ่ายค้าน ประกอบไปด้วยรวมแล้วจะได้ 309 เสียง ฝั่งของขั้วรัฐบาลเดิมรวมได้ประมาณ 192 เสียง อย่างไรก็ตาม แม้จะมี 309 เสียง แต่ในปัจจุบันยังคงต้องกังวล สว. ในการจัดต้องรัฐบาลเสียงข้างน้อยด้วย สว. สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 

“ถ้ารัฐบาลมาจากเสียงข้างน้อยจะอยู่ได้แค่ 1 ปีก็โดนเช็คบิลอยู่ดี ก็ต้องกลับมาใช้รัฐบาลเสียงข้างมากจากในสภาผู้แทน ด้วยตัวเลขที่เป็นอย่างนี่ สว. มาช่วยยาก ถ้ายังปริ่ม ๆ 260 เสียง กับ 240 เสียง สว.อาจจะมาช่วยเพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยไปก่อน และไปดึงงูเห่าเหมือนที่เคยทำเมื่อสมัยรัฐบาลที่ผ่านมา” 

ทั้งนี้ กลุ่มที่ได้รับประโยชน์ จากการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มการเงิน กลุ่มธนาคาร กลุ่มท่องเที่ยว ที่ได้มีการสนับสนุนให้เมืองไทย เป็นศูนย์กลางการทองเที่ยว หุ้นกลุ่มสนามบิน โรงแรม โรงพยาบาลขนาดใหญ่ ยังได้รับประโยชน์ 

และกลุ่มที่ได้รับประโยชน์อีกหนึ่งกลุ่มจะเป็นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมเพราะว่า เป้าหมายก้าวไกลต้องการพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางผลิตสินค้าไฮเทคโนโลยี ซึ่งคาดว่า น่าจะมีการออกมาตรการที่ภาคอุตสาหกรรมไฮเทคโนโลยี เข้ามาตั้งโรงงานในเมืองไทยให้ได้  

ส่วนที่ต้องเสียประโยชน์ ต้องระวังหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หลังจากที่ค่าแรงมีการปรับขึ้น และชิ้นส่วนอิเลคทรกนิกส์ก็ต้องมีความระมัดระวัง  เนื่องจากค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นไปอีก  เพราะเศรษฐกิจโลกยังไม่ดีเท่าที่ควร  

วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เป็น 5 พรรค ในฝั่งของฝ่ายค้านเดิม พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย  พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย รวมกัน 308 เสียง และพรรคเล็ก 1 เสียงที่กำลังติดต่อไปคือพรรคเป็นธรรม  รวมแล้วเป็น 309 เสียง ซึ่งไม่ได้มีการพูดถึงพรรคภูมิใจไทย หรือพรรคประชาธิปัตย์ ในเบื้องต้น 

ทั้งนี้ อย่างที่เห็นกันอย่างฝั่งเพื่อไทยโตในเชิงของเศรษฐกิจอยู่แล้ว ฉะนั้นหุ้นที่มีการเอื้อกับฝั่งของเศรษฐกิจที่เป็นพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่เน้นประชาชนเป็นหลัก ซึ่งถือว่า เป็นประเด็นหลักที่เน้นของปากท้อง 

หากย้อนไป 4 ปีย้อนหลัง หลังเลือกตั้งจบ หุ้นที่ได้ประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นฝั่งของ ไฟแนนซ์ ค้าปลีก สื่อสาร อสังหา แบงก์จะเป็นตัวยืนเศรษฐกิจ กลุ่มเหล่านี้เป็นตัวที่จะค่อย ๆ ขยับขึ้นมา ขณะที่กลุ่มโรงไฟฟ้ายังคงเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลจะเข้ามาแก้ไขปัญหาปากท้องยังคงเป็น กลุ่มนี้ยังคงเป็นที่โดนในเชิงเซนติเมน