TIPH กำไรไตรมาส 1/66 โต 639 ล้านบาท ลุยลงทุนขยายธุรกิจในประเทศและภูมิภาค

TIPH กำไรไตรมาส 1/66 โต 639 ล้านบาท ลุยลงทุนขยายธุรกิจในประเทศและภูมิภาค

" ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์" เผยกำไรไตรมาส 1/66 โต 639 ล้านบาท จากทิพยประกันภัย มีเบี้ยประกันรวม 8,404 ล้านบาท โต 3.8% กวาดกำไร 658 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.3% พร้อม ตั้งเป้าปีนี้รายได้โตไม่น้อยกว่า 50% และลุยลงทุนขยายธุรกิจในประเทศและภูมิภาค เพิ่มขีดความสามารถเติบโตต่อเนื่อง

นายสมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เปิดเผยว่า ในส่วนของงบการเงินรวมของ TIPH มีกำไรสุทธิไตรมาส 1/2566 จำนวน 639 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นจำนวน 1.08 บาท โดยมีผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยภายใต้กลุ่มธุรกิจสนับสนุนประกันภัยที่ขยายการลงทุนไปแล้วในช่วงปีที่ผ่านมา อาทิ บริษัท อะมิตี้ อินชัวร์รันซ์ โบรคเกอร์ จำกัด หรือ Amity มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 2.6 ล้านบาท เติบโต 310.5% และบริษัท ดีพี เซอร์เวย์ แอนด์ลอว์ จำกัด หรือ DP Survey มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 10.7 ล้านบาท เติบโต 83.4% YOY 

ขณะที่งวดไตรมาส 1/2566 ที่ผ่านมา TIP มีรายได้รวม 3,923 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 157 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.2% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) และมีกำไรสุทธิรวม 658 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.10 บาท เพิ่มขึ้น 226 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 52.3% จากไตรมาสก่อนหน้า (QOQ)

โดยมาจากเบี้ยประกันภัยรับรวม 8,404 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 311 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.8% YOY โดยเบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง เติบโต 15.5% เบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด เติบโต 6.2% และเบี้ยประกันภัยรถยนต์ เติบโต 2.5% ประกอบกับมีกำไรจากเงินลงทุนรวม 217 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24.4%

โดยในปี 2566 TIPH ตั้งเป้าหมายให้ทุกบริษัทในกลุ่มธุรกิจสนับสนุนประกันภัยมีรายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 50% เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ขยายฐานลูกค้า และบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ในส่วนของบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ซึ่งให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) มีการเติบโตที่ดีตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และตามการเติบโตของอุปสงค์สินเชื่อภาคธุรกิจและครัวเรือน บริษัทสามารถทำตามเป้าหมายในการขับเคลื่อนภารกิจเชิงสังคม ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสินเชื่อด้วยต้นทุนต่ำ จึงได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก และสามารถขยายพื้นที่ให้บริการสินเชื่อที่ดินทั่วประเทศได้ตามแผน

นอกจากนี้ บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบธุรกิจประกันภัยแบบ Pure Digital ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มประกันภัยแบบลูกค้ารายย่อย (Personal Line) ในราคาที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ จะเริ่มให้บริการเร็ว ๆ นี้

สำหรับทิศทางการลงทุนในปี 2566 TIPH อยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในธุรกิจประกันภัยในประเทศกัมพูชา และการลงทุนในธุรกิจที่เป็นแนวโน้มในอนาคต รวมถึงธุรกิจที่จะสามารถสร้าง New S-curve หรือ Synergy เพื่อสนับสนุนธุรกิจประกันภัย โดยจะเน้นลงทุนในช่วง Growth Stage ของธุรกิจที่สามารถสร้างกำไรได้ทันที (Quick-win) ในรูปแบบการควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการ (M&A) และยังอยู่ระหว่างการศึกษาการจัดตั้งบริษัทด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลแบบครบวงจรเพื่อให้บริการกับทุกบริษัทที่อยู่ในกลุ่ม TIPH เพื่อให้เกิดมาตรฐานและลดต้นทุนในการดำเนินงาน

อีกทั้ง TIPH อยู่ระหว่างการออกหุ้นกู้ โดยมีการยืนยันความแข็งแกร่งทางการเงิน และความสามารถทางการแข่งขันที่โดดเด่น จากการได้รับการจัดอันดับจาก TRIS Rating ที่ “AA” แนวโน้มคงที่ ที่สะท้อนความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท โดยบริษัทได้เสนอขายหุ้นกู้ต่อนักลงทุนสถาบันเรียบร้อยแล้ว และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคมนี้

ทั้งนี้ ดร.สมพรกล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของ TIPH และบริษัทในกลุ่มยังคงแข็งแกร่งและสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีแนวโน้มสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากแผนการขยายงานและขยายฐานลูกค้าผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรในหลากหลายอุตสาหกรรม ประกอบกับแผนขยายการลงทุนของ TIPH ในปีนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตและความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการเพิ่มรายได้ การลงทุนขยายธุรกิจในประเทศและระดับภูมิภาค รวมถึงประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจประกันวินาศภัยของไทย และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกลุ่มธุรกิจของ TIPH ต่อไป