หุ้นไฟฟ้ามีหนาว | ออฟเรคคอร์ด

หุ้นไฟฟ้ามีหนาว | ออฟเรคคอร์ด

ปัญหาระดับชาติ ค่าไฟแพงหูฉี่ จนทำให้เปรียบเทียบบิลค่าไฟฟ้าเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว ทั้งอากาศร้อน - ปริมาณใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเท่าตัว

๐๐๐ หุ้นไฟฟ้ามีหนาว

ปัญหาระดับชาติ ค่าไฟแพงหูฉี่ จนทำให้เปรียบเทียบบิลค่าไฟฟ้าเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว ทั้งอากาศร้อน - ปริมาณใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเท่าตัว 

จนทำให้มีเสียงเรียกร้องให้ทางการลงมาดูแลด่วนๆ ยิ่งช่วงโค้งหาเสียงเลือกตั้งด้วยแล้ว คือ ว่าปัญหาค่าไฟแพง ขึ้นเป็น must list อันดับต้น

วันนี้ (21 เม.ย.)อนุกรรมการค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ จะพิจารณาเรื่องการปรับลดค่า Ft งวดพ.ค.- ส.ค. 2566 ลดลงจาก 4.77 บาท หากได้รับความเห็นชอบก็จะประกาศลดค่าไฟฟ้าต่อไป เดิมก่อนหน้านี้มีการปรับขึ้นให้ค่าไฟฟ้าตามบ้าน และภาคธุรกิจขึ้นมาเท่ากัน

ประเมินกันคราวๆ หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าในฐานผู้ขายไฟฟ้า หนาวสลับร้อนกันแล้ว ไล่ตั้งแต่ GPSC -BGRIM - GULF  เพราะบางรายเจอกล่าวหา “เป็นเหตุทำให้ไฟฟ้าแพง” ไปด้วย 

 เรียกได้ว่า แตะทางไหน ก็ล้วนแต่เป็น ประเด็นอ่อนไหว  ยิ่งเจอกระแสแรงจากประชาชนช่วงนี้ถามหาเลย Hot กันถ้วนหน้า  

๐๐๐

ตลาดหุ้นอยู่ในช่วงระมัดระวังการลงทุนหลังตัวเศรษฐกิจของสหรัฐ  หลัง FED เปิดเผยรายงาน Beige Book การจ้างงาน และเงินเฟ้อชะลอตัวลง และการเข้าถึงสินเชื่อลดน้อยลงด้วย หลังธนาคารเพิ่มมาตรฐานเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่ออาจจะกระทบเศรษฐกิจสหรัฐระยะถัดไป

๐๐๐

ขณะที่ฝั่งเอเชียนักวิเคราะห์เพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจจีน ปีนี้ “ เจพี มอร์แกน” เพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจจีนปี 2566 สู่ระดับ 6.4% จาก 6% ขณะเดียวกัน “ซิตี้ กรุ๊ป” ก็เพิ่มคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจจีนสำหรับตลอดทั้งปีนี้สู่ระดับ 6.1% จาก 5.7% โดยให้เหตุผลว่า เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังผ่านพ้นช่วงโรคโควิด-19 ระบาด โดยได้แรงหนุนหลักๆ จากการบริโภค และการบริการ

๐๐๐

ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนลบตลอดทั้งวันจนดัชนีลงมาปิดที่  1,565.10 จุด ลดลง 15.63 จุด  เปลี่ยนแปลง  0.99% มูลค่าการซื้อขาย   57,264.96 ล้านบาท  

๐๐๐

กลุ่มแบงก์กลับมามีประเด็น หลังหุ้น STARK ทำเรื่องไม่ส่งงบการเงิน Q4/2565 และยังมีกรรมการตบเท้าลาออกจากตำแหน่ง  สถานการณ์ดูไม่ดีเพราะก่อนหน้านี้มีประเด็น “ยกเลิกลงทุนใน  LEONI ” มูลค่า 20,000 ล้านบาท ไปทั้งที่เพิ่มทุน PP ไปแล้ว 5,580 ล้านบาท และยังไม่มีแผนลงทุนอื่น  ไม่นับรวมกับหุ้นกู้ทำให้มีทั้งนักลงทุนรายใหญ่ - กองทุน และสถาบัน ถือไม่น้อย 

๐๐๐

ส่วนที่ “กระทบหนัก” หนีไม่พ้นแบงก์เจ้าหนี้มี KBANK - SCB เลยทำให้เจอประเด็นหุ้นเล็กเขย่าหุ้นใหญ่ ราคาร่วงทันตาเห็น ตั้งแต่เปิดทำการซื้อขาย  KBANK  ราคามาปิดที่  126.00 บาท ลดลง 4.18% และ  SCB  ปิด  99.75 บาท  ลดลง 0.75% ซึ่งทั้ง 2 แบงก์เตรียม ชี้แจงพร้อมรายงานงบ Q1/2566 ไปพร้อมกัน 21 เม.ย. นี้ 

๐๐๐

ด้านกลุ่ม “ตั้งคารวคุณ” ในฐานเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ STARK  ทำให้เสียหายตามไปด้วย จน TOA ที่ถือหุ้นใหญ่ด้วยกลุ่มนี้ ต้องแจงทันทีว่าคนละบริษัท “ไม่มีและไม่เคย” มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับ STARK ทั้งในด้านการลงทุน การถือหุ้น หรือการร่วมบริหารงาน แม้ว่ากรรมการของบริษัทบางท่าน ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ และ/หรือผู้บริหารของ STARK การดำรงตำแหน่งดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัว และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทแต่อย่างใด

๐๐๐

แบงก์ที่โชว์ กำไรแล้วถือว่าดี ยกให้ TTB รายงานกำไรที่ 4,295 ล้านบาท (+12% QoQ, +33% YoY) จากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสูงกว่าคาด อัตราส่วนหนี้เสียลดลงเล็กน้อย  ตามมาด้วย KTB รายงานกำไรที่ 10,067 ล้านบาท (+24.1% QoQ, +14.6% YoY) จากกำไรจากตราสารทางการเงินและกำไรจากการลงทุน อัตราส่วนหนี้เสียลดลงเล็กน้อย

 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์

.