'หุ้นไทย'วันนี้ปรับตัวขึ้น 1,615 – 1,620 จุด ตอบรับราคาน้ำมันดิบพุ่ง

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี ประเมินดัชนี "หุ้นไทย" วันนี้ (3 เม.ย.2566) ปรับตัวขึ้นแนวต้าน 1,615 – 1,620 จุด ตอบรับความคาดหวัง FED ชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) และการใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐน้อยกว่าคาด รวมถึงราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นตอบรับโอเปกพลัสลดการผลิตน้ำมันลงอีก 1.16 ล้านบาร์เรล/วัน อย่างไรก็ตาม Fund flow ต่างชาติที่ไหลออกและหุ้น DELTA ติด cash balance จะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัวลง 

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ :  PTTEP TOP BCP PTTGC อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น ขณะที่ KCE HANA BE8 BBIK อานิสงส์หุ้นกลุ่มเทคฯของสหรัฐปรับตัวขึ้น และ BGRIM GULF GPSC GUNKUL เก็งข่าวประกาศผู้ได้คัดเลือกขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนวันที่ 5 เม.ย.

ประเด็นสำคัญวันนี้ที่ต้องติดตาม 

(+) คาดหวังเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย หลังดัชนี PCE ของสหรัฐลดลง: โดย Headline PCE เดือน ก.พ. ลดลงสู่ระดับ 5% จาก 5.4% ในเดือน ม.ค. ลดลงมากกว่า Consensus คาดไว้ที่ 5.1%, Core PCE ลดลงเป็น 4.6% จาก 4.7%เมื่อเทียบ mom Headline PCE เพิ่มขึ้น 0.3%mom ลดลงจาก 0.6%mom ในเดือนม.ค., Core PCE เพิ่มขึ้น 0.3%mom ลดลงจาก 0.5%mom 

(+) ภาวะ ศก. ไทยเดือน ก.พ. มีสัญญานบวกปรับตัวดีขึ้นในทุกกิจกรรม: ธปท. รายงานภาวะ ศก. เดือน ก.พ. การส่งออกกลับมาเพิ่มขึ้น, ภาคการผลิตเพิ่มขึ้น, การลงทุนภาคเอกชนฟื้นตัว การบริโภคภาคเอกชนและการบริการขยายตัวต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยว, อัตราเงินเฟ้อเริ่มลดลง ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดพลิกเป็นเกินดุลได้อีกครั้งคาดหนุนค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่า

(+/-) OPEC+ Plus meeting คาดลดการผลิต 2 ล้านบาร์เรลต่อวันตามเดิม: เรามีมุมมองเป็นกลางโดยคาดว่าที่ประชุม OPEC+ จะมีมติให้ปรับลดปริมาณการผลิตจำนวน 2 ล้านบาร์เรลต่อวันไปจนถึงสิ้นปี 2023 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพยุงราคาน้ำมันดิบหลังจากที่ศก.โลกเสี่ยงเกิดภาวะถดถอยซึ่งจะกระทบต่อดีมานด์น้ำมันดิบในอนาคต