ส่องหุ้นรับอานิสงส์ ลด ‘ค่าไฟ’ งวดใหม่

ส่องหุ้นรับอานิสงส์ ลด ‘ค่าไฟ’ งวดใหม่

หลังรอกันมาสักพักในที่สุด กกพ. ได้เคาะค่าไฟฟ้างวดใหม่เดือนพ.ค.-ส.ค. 2566 ออกมาเป็นที่เรียบร้อย โดยจะจัดเก็บในอัตราเดียวกันทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่หน่วยละ 4.77 บาท

สำหรับประชาชนทั่วไปคงจะต้องเตรียมเงินในกระเป๋ากันไว้ให้ดี เพราะค่าไฟขึ้นมาหน่วยละ 5 สตางค์ แม้จะดูไม่มาก แต่ในยุคข้าวยากหมากแพงเช่นนี้ ทุกบาททุกสตางค์ย่อมมีค่า ยิ่งช่วงนี้เข้าสู่หน้าร้อน ค่าไฟแต่ละบ้านต้องพุ่งแน่นอน

ส่วนภาคธุรกิจน่าจะยิ้มออก เพราะค่าไฟงวดนี้จะถูกลงจากงวดก่อน 56 สตางค์ หรือ 10.50% จากหน่วยละ 5.33 บาท เหลือ 4.77 บาท ถือเป็นข่าวดีสำหรับภาคธุรกิจ เพราะค่าไฟเป็นหนึ่งในต้นทุนหลักของผู้ประกอบการ

 

ค่าไฟภาคธุรกิจที่ถูกลงช่วยเพิ่มอัพไซด์ในการทำกำไรให้กับโรงงาน บริษัท ห้างร้านต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมหนักที่ต้องใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก 

แต่ในทางตรงกันข้าม น่าจะเป็นข่าวลบสำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยเฉพาะโรงไฟฟ้า SPP ที่ขายไฟให้แก่ลูกค้าภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก เพราะจะขายไฟได้ในราคาที่ถูกลง 

 

แต่ก็ใช่ว่าจะกระทบซะทีเดียว เพราะต้องนำไปหักลบกับต้นทุนในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี ทั้งราคาน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ฯลฯ

โดยบล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า มีมุมมอง Slightly Positive ต่อกลุ่มท่องเที่ยวหลังมีการปรับลดค่าไฟฟ้างวดเดือนพ.ค.- ส.ค. 2566 เนื่องจากค่าไฟเป็นอีกหนึ่งในต้นทุนสำคัญของกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมที่ฝ่ายวิจัยศึกษา คิดเป็นสัดส่วนราว 6-8.5% ของรายได้ปี 2566

เบื้องต้นจากค่าไฟที่ลดลงจะส่งผลทำให้กำไรของกลุ่มโรงแรมปี 2566 มีอัพไซด์เพิ่มขึ้น 2.2-6.5% โดยฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ Bullish กลุ่มท่องเที่ยว เลือก CENTEL และ MINT เป็น Top Pick

เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีก ค่าไฟถือเป็นต้นทุนสำคัญ ซึ่งหากอิงจากปี 2565 คิดเป็นสัดส่วนราว 1-4% ของรายได้ เบื้องต้นค่าไฟที่ลดลงจะทำให้กำไรกลุ่มค้าปลีกมีอัพไซด์เพิ่มขึ้น 4%

โดย MAKRO และ CPALL จะเกิดอัพไซด์มากที่สุด 6% ตามด้วย BJC อยู่ที่ราวๆ 4% อิงจากสัดส่วนต้นทุนค่าไฟมากที่สุดเมื่อเทียบกับกำไร ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังคงน้ำหนักการลงทุน Bullish ต่อกลุ่มค้าปลีก เลือก BJC และ CRC เป็น Top Pick

ส่องหุ้นรับอานิสงส์ ลด ‘ค่าไฟ’ งวดใหม่

ด้านบล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า มีมุมมองเป็นกลางต่อการปรับค่าไฟฟ้างวดล่าสุด ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับที่ตลาดและฝ่ายวิจัยคาดไว้ ทั้งนี้แม้ว่าค่าไฟภาคอุตสาหกรรมจะลดลงราวๆ 10% แต่ราคาต้นทุนก๊าซธรรมชาติในช่วงเดือนก.ย. 2565-ม.ค. 2566 อิง Pool price ลดลงกว่า 38% ทำให้ราคาค่าไฟไม่ได้ลดลงเท่ากับการลดลงของต้นทุน 

และยังทำให้มาร์จินของโรงไฟฟ้า SPP สามารถขยายตัวได้ จึงยังคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มโรงไฟฟ้า “มากกว่าตลาด” โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการมีสัดส่วนลูกค้าอุตสาหกรรม เรียงลำดับจากมากไปน้อย คือ GPSC, BGRIM, GULF

ด้านบล.ทรีนีตี้ ระบุว่า มีมุมมองเป็นกลางต่อค่าไฟใหม่ โดยค่า Ft ของผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ ที่ไม่ใช่ประเภทบ้านที่อยู่อาศัยลดลงจาก 154.92 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 93.43 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ เป็นลูกค้าของโรงไฟฟ้า SPP ทำให้ค่าไฟเฉลี่ยในไตรมาส 2 มีโอกาสลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1

อย่างไรก็ตาม ค่า Ft ที่ลดลงได้ถูกชดเชยด้วยการคงค่า Ft คงค้างเป็นเวลา 6 งวด โดยฝ่ายวิจัยมองว่า GPSC และ BGRIM จะได้รับประโยชน์จากการคง/ขึ้นค่า Ft ในงวด พ.ค. - ส.ค. 2566 ในขณะที่ต้นทุนพลังงาน (LNG) ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง