โบรกเตือนหุ้นธนาคารผันผวนหนัก ผลกระทบ Credit Suisse ยังไม่จบ

โบรกเตือนหุ้นธนาคารผันผวนหนัก ผลกระทบ Credit Suisse ยังไม่จบ

Credit Suisse ประกาศลดมูลค่าพันธบัตร 1.7 พันล้านดอลลาร์เหลือศูนย์  และธนาคารยังได้ลงทุนจำนวนมากในกองทุนการเงินของบริษัทในเครือด้วย จึงถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารที่ยังเกิดความผันผวนอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา รวมถึงในตลาดหุ้นไทย

จากกรณีกระแสข่าวธนาคาร UBS ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ เข้าซื้อกิจการ Credit Suisse ในวงเงิน 3 พันล้านฟรังก์สวิส หรือ 3.23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ Credit Suisse ต้องยื่นล้มละลาย แต่กระนั้นความกังวลของนักลงทุนยังไม่หมดสิ้นไป เนื่องจาก Credit Suisse ประกาศลดมูลค่าพันธบัตร 1.7 พันล้านดอลลาร์เหลือศูนย์  และธนาคารยังได้ลงทุนจำนวนมากในกองทุนการเงินของบริษัทในเครือด้วย จึงถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารที่ยังเกิดความผันผวนอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา รวมถึงในตลาดหุ้นไทยด้วย 

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ เปิดเผยว่า  ถ้าสังเกตตลาดหุ้นที่ผ่านมา ยังเกิดแรงเทขายในหุ้นกลุ่มธนาคารเป็นหลัก เป็นไปตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่หุ้นธนาคารถูกโดนเทขายออกมา อย่าง ตลาดหุ้นฮั่งเส็งลงมาเกือบ 3% ซึ่งเป็นผลกระทบจากเรื่องหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ ที่ก่อนหน้ามีการออกมา นักลงทุนเริ่มกลัวจึงทำการขายออก เพราะเกรงว่าจะไม่ได้เงินคืน หากธนาคารเกิดมีปัญหา 

ทั้งนี้ ถือว่าเป็นผลกระทบที่เป็นลูกโซ่จากเครดิตสวิสที่เพิ่งถูกยูบีเอสซื้อไป ซึ่งเครดิตสวิสก็ได้มีการออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์นี้ด้วย ซึ่งไม่ได้รับประกันก็ทำให้เกิดความเสียหายไปด้วย ทำให้ตลาดเกิดความกังวลว่า ยังมีธนาคารใดบ้างที่มีการออกหุ้นกู้ประเภทนี้บ้าง ซึ่งก็จะมี HSBC รวมถึงธนาคารไทยบางแห่งด้วยที่ออกหุ้นกู้ประเภทนี้ออกมา 

 

โดยในช่วงระยะสั้นการลงทุนยังความมีความผันผวนอยู่ สถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอนสูง ต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ยังคงมีผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากธนาคารเมื่อมี 1 ธนาคารล้ม ก็คาดว่าอาจจะมีธนาคารต่อไป ทำให้นักลงทุนยังคงกังวลอยู่บ้าง 

อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นถึงปลายสัปดาห์นี้ยังมองว่า ตลาดจะสามารถกลับมารีบาวน์ได้ จากปัจจัยในประเทศ การยุบสภา การเลือกตั้ง และติดตามการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25% น่าจะเป็นบวกกับตลาด เพราะว่าเป็นสิ่งที่ตลาดคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว จึงถือว่า เป็นการสร้างความชัดเจนให้กับตลาด

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (FSS) บริษัทในเครือ บล. ฟินันเซีย ไซรัส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา เกิดจากเซนติเมนต่างประเทศ ยังมีความกังวล กับวิกฤตภาคธนาคารอยู่ หลังจากที่พันธบัตรหุ้นกู้ รวมถึงที่เป็นประเภทกองทุนที่ไม่มีอายุการไถ่ถอน ที่ชื่อว่า กองทุนชั่วนิรันดร์ ของเครดิตสวิส ที่ตัดออกไปประมาณเกือบ 6 แสนล้านบาท ทำให้สร้างความผันผวน คนที่ถือบอนด์นี้ที่ด้อยสิทธิ์จะเป็นศูนย์เลย จึงทำให้เกิดความกังวลธนาคารอื่น ๆ จะโดนด้วยหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีการออกบอนด์ชนิดนี้เช่นกัน แต่ในประเทศไทยไม่น่ามีที่จะไปซื้อบอนด์ของเครดิตสวิสประเภทนี้ แต่ที่สถาบันการเงินของไทยออกเองเช่นกันแต่ไซด์อาจจะไม่ได้ใหญ่ขนาดนี้ คนก็อาจจะกลัวว่า แบงก์อื่นใครถือบอนด์แบบนี้อยู่แล้วอาจจะโดนแบบเครดิตสวิสหรือไม่

แนะนำนักลงทุน ช่วงนี้ให้รอที่โซน 1,500 จุด จะมีเหตุการณ์อะไรที่ลุกลามกว่านี้หรือไม่ ถ้าเกิดว่ายังอยู่ในระดับนี้บวกลบที่พอคุมได้ แต่ถ้ายังมีข่าวลบของธนาคารอื่นออกมาเรื่อย ๆ ก็ยังมีความซุ่มเสี่ยงที่จะหลุด 1,500 จุดได้ ถ้ามากกว่านี้จะเป็นการลุกลาม กระทบกับเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนตัวหุ้นขณะนี้ควรเน้นเป็นกลุ่ม Defensive ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าว เช่นกลุ่มโรงไฟฟ้า โรงพยาบาล หรือค้าปลีกที่จะได้รับอานิสงส์จากการเลือกตั้ง แม้ว่าตลาดจะผันผวนบ้างก็ไม่ได้ลงเยอะเท่ากับเซกเตอร์อื่น ๆ หรือเท่ากับตลาดหุ้น