หุ้น CPALL ร่วงหนัก 5% นักลงทุนผิดหวังงบไตรมาส 4/65 ต่ำคาด

หุ้น CPALL ร่วงหนัก 5% นักลงทุนผิดหวังงบไตรมาส 4/65 ต่ำคาด

CPALL ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4/65 ออกมา ทำให้นักลงทุนผิดหวัง ราคาปิด ณ วันที่ 24 ก.พ.66 ร่วงลงมาอยู่ที่ 61.75 บาท หรือ -3.25 บาท หรือ -5.00% 

หลังจากที่ บมจ.ซีพี ออลล์ หรือ CPALL ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4/65 ออกมา ทำให้นักลงทุนผิดหวัง ราคาปิด ณ วันที่ 24 ก.พ.66 ร่วงลงมาอยู่ที่ 61.75 บาท หรือ -3.25 บาท หรือ -5.00% 

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สาเหตุหลักที่ราคา CPALL ร่วงลงมาแรงในวันนี้ เป็นเรื่องของกำไรที่ต่ำกว่าคาดการณ์ เป็นการปรับตัวลดลง 53% YoY 47% QoQ ซึ่งต่อให้หักรายการพิเศษออกไปแล้วก็จะอยู่แค่ 3,273  ล้านบาทเท่านั้น ตัวเลขตรงนี้ค่อนข้างจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ย จากที่คาดการณ์ค่าเฉลี่ยไว้ที่ 3,900 ล้านบาท พอออกมาประมาณ 3,100 - 3,300 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าคาดอยู่พอสมควร หรือประมาณ 20% ฉะนั้นทำให้เกิดความกังวลว่า อาจจะปัจจัยถ่วงผลประกอบการในอนาคคตด้วยหรือไม่ หรืออาจจะฟื้นช้ากว่าคาด 

 

ขณะที่ ส่วนหนึ่งมามีรายการที่เข้ามากดดัน ด้านค่าใช้จ่ายพนักงาน หรือผลประโยชน์ของพนักงานบาง ในช่วงไตรมาส 4/65 อาจจะไม่ได้คิดว่า ปีนี้จะดีมาก คือปกติจะมีค่าใช้จ่ายบางประเภทที่บริษัท จะค่อย ๆ ทยอยตั้งไว้ทุก ๆ ไตรมาส แต่อาจจะไม่ได้ตั้งค่าใช้จ่ายบางอย่างไว้ เพราะไม่คิดว่าจะฟื้นตัวเร็ว พอถึงเวลาจริง ๆ ที่ธุรกิจน่าจะไปได้ดีกว่านั้น ก็มาทำให้มาหนักในไตรมาส 4/65 

อย่างไรก็ตาม มักจะเห็นลักษณะแบบนี้อยู่หลายคร้ัง ซึ่งปีที่แล้วก็มี อย่างเช่น HANA และ WORK ที่อาจจะคิดว่า เพิ่งฟื้นจากโควิด-19 น่าจะไม่ค่อยดีมาก แต่ปรากฎว่า บางอย่างฟื้นตัวเร็ว ทำให้กลายเป็นว่า โบนัสหรือผลตอบแทนที่ต้องจ่ายไม่ได้มีการตั้งเอาไว้เท่าไร พอถึงเวลาจริง ๆ ก็มาหนักที่ไตรมาส 4/65 ในเคสของ CPALL น่าจะมีลักษณะที่คล้าย ๆ กัน แต่ในระยะยาวยังดี กำไรปี 2023 คาดว่าจะสามารถเติบโตได้อีก 25% และในปี 2024 จะเติบโตได้อีก 21%

 

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่วันนี้ CPALL ลงมาค่อนข้างเยอะ มาจากผลประกอบการไตรมาส 4/65 เป็นหลัก CPALL งบออกมาแล้วต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดการณ์ ถือว่าค่อนข้างเยอะ ซึ่งงบออกมาน่าผิดหวังมาจากค่าใช้จ่ายที่สูง แม้ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่เข้าใจได้ ด้วยความที่เป็นปัจจัยที่ทำให้กำไรเราและตลาดคาดการณ์ไว้ประมาณ 20% เลยทำให้เกิดแรงขายจากความผิดหวังจากผลประกอบการออกพอสมควร ขณะที่มาร์จิ้นถ้าเทียบในไตรมาส 3/65 ลดลง 0.2% จาก 21.8% ลงมาเหลือ 21.6% ซึ่งจริง ๆ ไตรมาส 4/65 ควรจะดีกว่าไตรมาส 3/65  กลายเป็นมาร์จิ้นลดลง

ทั้งนี้ แม้ราคาหุ้นปรับฐานลงมาค่อนข้างเยอะ แต่นักลงทุนที่มีหุ้น CPALL ไม่ใช่จุดที่จะสต๊อป เพราะเราเชื่อว่า ผลประกอบไตรมาส 1/66 จะเห็นการฟื้่นตัว และเร่งตัวกลับขึ้นมาได้ทั้งกลุ่มค้าปลีก เพราะว่า ในไตรมาส 1/66 มีแรงหนุนจากชอปดีมีคืน มีแรงหนุนนักท่องเที่ยวจีนที่มาเร็ว และมีแรงหนุนจากการเรื่องตั้งถ้าเกิดว่า ในเดือนหน้ามีการยุบสภาเม็ดเงินจากการเลือกตั้งจะลงสู่ท้องถิ่นมากขึ้น ซึ่งก็จะเป็นบวกกับ CPALL แนะนำให้ถือไว้สำหรับนักลงทุนที่มีอยู่แล้ว 

ส่วนลงทุนที่ไม่มีอาจจะเป็นลักษณะของการเข้าไปทยอยสะสม เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลงมาลึกลงจริงๆ ซึ่งใกล้แนวรับทางจิตวิทยาแถวประมาณ +- 60 บาท  ทางเทคนิคจะมีบริเวณตรงนี้ด้วยแนวกระจุกตัวประมาณปลายปีที่แล้วราคาหุ้นขึ้นมาก็จะมาอยู่ประมาณแถว 60 -61 บาท และก่อนจะเร่งตัวขึ้นไปที่  73 บาท เพราะฉะนั้นลงมาใกล้ ๆ 60 บาท เป็นแนวรับสำคัญ และในสัปดาห์หน้าน่าจะเริ่มทรงตัว สัปดาห์หน้าถ้าตัวเลขเศรษฐกิจของไทยที่จะประกาศสัปดาห์หน้า ถ้าการบริโภคเห็นโมเมนตัมที่ดีจะเห็นการบริโภคจะเป็นปัจจัยหนุนให้หุ้นค้าปลีกมีการฟื้่นตัวกลับขึ้นมา ซึ่งให้ราคาเหมาะสมไว้ที่ 75 บาท