JTS เผยปี 65 พลิกขาดทุน 105 ล้าน ต้นทุนเหมืองขุดบิตคอย์พุ่ง-ราคาเหรียญทรุด

JTS เผยปี 65 พลิกขาดทุน 105 ล้าน ต้นทุนเหมืองขุดบิตคอย์พุ่ง-ราคาเหรียญทรุด

“จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น” เผยปี 65 พลิกขาดทุนสุทธิ 105.65 ล้าน จากปี 64 กำไรสุทธิ 221.04 ล้าน เหตุต้นทุนเหมืองขุดบิตคอยน์พุ่ง-ราคาเหรียญทรุด ลั่นปี 66 หยุดดำเนินธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยชั่วคราว หลังต้นทุนค่าไฟฟ้าสูง พร้อมกำลังพิจารณาย้ายฐานขุดบิตคอยน์ไปต่างประเทศ

              บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จํากัด (มหาชน) หรือ JTS แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลการดำเนินงานปี 2565 มีขาดทุนสุทธิจำนวน 105.65 ล้านบาท เทียบกับปี 2564 มีกำไรสุทธิ 221.04 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมปี 2565 จำนวน 2,303.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 425.86 ล้านบาท คิดเป็น 22.68% เทียบกับปี 2564

              ขณะที่ ไตรมาส 4 ปี 2565 บริษัทและบริษัทย่อยมีขาดทุนสุทธิ 241.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 311.72 ล้านบาท คิดเป็น 440.97%  เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 245.67 ล้านบาท คิดเป็น5,294.61% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2565

ทั้งนี้ ในปี 2565 บริษัทมีต้นทุนขายและบริการ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ และค่าใช้จ่ายในการบริหาร จำนวน 2,357.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 793.10 ล้านบาท คิดเป็น 50.71% เมื่อเทียบกับปี 2564 ประกอบด้วย

- ต้นทุนขายและบริการ จำนวน 1,517.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124.68 ล้านบาท คิดเป็น 8.95% เนื่องจากต้นทุนขายและบริการที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจออกแบบและวางระบบสื่อสารและโทรคมนาคม จำนวน 85.85 ล้านบาท ธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม จำนวน 34.77 ล้านบาท และธุรกิจจัดหาออกแบบและวางระบบคอมพิวเตอร์ จำนวน 4.06 ล้านบาท

- ต้นทุนเหมืองขุดบิตคอยน์ จำนวน 632.88 ล้านบาท ประกอบด้วย ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการขุดบิตคอยน์ จำนวน 271.26 ล้านบาท คิดเป็น 42.86% และขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นเกิดขึ้นจากการด้อยค่าของอาคารและอุปกรณ์ และเงินจ่ายล่วงหน้าค่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการดำเนินการธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ จำนวน 361.62 ล้านบาท คิดเป็น 57.14%

ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการขุดบิตคอยน์ที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากจำนวนเครื่องขุดบิตคอยน์ที่เพิ่มขึ้นจาก 325 เครื่องเป็น 2,641 เครื่อง

โดยขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นเกิดขึ้นดังกล่าวเนื่องจากราคาเหรียญบิตคอยน์มีมูลค่าลดลงอย่างเป็นสาระสำคัญ จากมูลค่าประมาณ 1.5 ล้านบาทต่อเหรียญบิตคอยน์ (USD 46,306.45) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 เป็นมูลค่า 0.569 ล้านบาทต่อเหรียญบิตคอยน์ (USD16,547.50) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ดังนั้น ทางบริษัทฯ จึงต้องรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ที่ใช้ในการดำเนินการธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ ตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 36 เรื่องการด้อยค่าของสินทรัพย์

           สำหรับ เป้าหมายและแผนธุรกิจในปี 2566 ผลกระทบและการแพร่ระบาดของ Covid-19 ได้ลดลง และทางบริษัทเชื่อมั่นว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยจะมีการขยายตัวและมีการลงทุนที่เพิ่มขึ้น โดยมุ่งเน้นในธุรกิจออกแบบและวางระบบสื่อสารและโทรคมนาคม ธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม และธุรกิจจัดหา ออกแบบและวางระบบคอมพิวเตอร์ โดยเน้นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เป็นนิติบุคคลขนาดใหญ่ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider) อีกทั้งให้ความสำคัญกับธุรกิจทางด้านพลังงานทดแทนหรือพลังงานสะอาดตามเทรนด์รักษ์โลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยเป็นทั้งตัวแทนจำหน่ายและผู้ให้บริการแบบครบวงจรสำหรับโซลาร์เซลล์

โดยบริษัทฯ ยังคงติดตามสภาวการณ์ต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์อย่างรอบคอบและระมัดระวัง โดยเฉพาะต้นทุนค่าไฟฟ้าที่มีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้ดำเนินการหยุดดำเนินธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์เป็นการชั่วคราวตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 และพิจารณาทางเลือกในการย้ายฐานการขุดบิทคอยน์ไปยังต่างประเทศที่มีศักยภาพ

ทั้งในด้านทรัพยากรต่างๆ และการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยเฉพาะต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ต่ำ และจะต้องสามารถบริหารจัดการเครื่องขุดได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่มีความเสี่ยงในด้านความปลอดภัยของการเข้าถึงเครื่องขุดบิตคอยน์ เพื่อให้ธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ของบริษัทสามารถแข่งขันในระดับสากล เพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย