“หุ้นไทย” ปิดตลาดลบ 5.37 จุด ไฟแนนซ์-ค้าปลีก ฉุดดัชนี พรุ่งนี้แนวรับ 1,640 จุด
“ตลาดหุ้นไทย” ปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 1,647.39 จุด ลดลง 5.37 จุด หรือ 0.32% “บล.หยวนต้า” ชี้ วันนี้กลุ่มไฟแนนซ์และค้าปลีกฉุดดัชนีมากที่สุด คาดพรุ่งนี้ลงต่อด้วยแนวรับ 1,640 จุด ส่วนแนวต้าน 1,657 จุด ชี้หากจีดีพีไตรมาส 4 ของไทยที่จะประกาศในวันศุกร์ดีกว่าคาด ตลาดอาจรีบาวด์
ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาด “หุ้นไทย” วันนี้ผันผวนในทิศทางปรับตัวลดลงเกือบท้ังวัน ซึ่งดัชนีตลาดหุ้นไทยทำจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,642.97 จุด ก่อนมาปิดตลาดที่ 1,647.39 จุด ลดลง 5.37 จุด หรือ 0.32% มูลค่าซื้อขาย 114,224.54 ล้านบาท
หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่
1. PQS มูลค่า 9,649.39 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 5.75 บาท ลดลง 0.25 หรือ 4.17%
2. JMT มูลค่า 3,443.69 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 42.75 บาท ลดลง 7.25 หรือ 14.50%
3. KBANK มูลค่า 2,202.42 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 141.50 บาท ลดลง 1.00 หรือ 0.70%
4. PTTEP มูลค่า 1,871.63 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 157.50 บาท ลดลง 3.50 หรือ 2.17%
5. DELTA มูลค่า 1,753.13 ล้านบาท ราคาหุ้นปิดที่ 904 บาท เพิ่มขึ้น 24.00 หรือ 2.73%
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยย่อตัวลง 0.32% เป็นผลมาจากแรงขายในหน้าหุ้นกลุ่มการเงิน และกลุ่มค้าปลีกเป็นหลัก ส่วนแรงซื้อมาจากหน้าหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มขนส่งท่องเที่ยว
แรงขายในกลุ่มไฟแนนซ์ส่วนหนึ่งมาจาก
- ความกังวลเรื่องผลประกอบการไตรมาส 4 ไม่ดี
- แบงก์ชาติต้องการลดหนี้ครัวเรือนจึงปล่อยสินเชื่อด้วยอัตราเร่งที่เร็วเกินไปในช่วงที่ผ่านมาส่งผลหนี้ครัวเรือนปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนจึงระมัดระวังในการเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์มากขึ้น
- เลือกตั้งอาจไม่มาถึงเร็วอย่างที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการ การเลือกตั้ง (กกต.) ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความประเด็นเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง
“ภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันนี้ถูกฉุดโดยหน้าหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ และกลุ่มค้าปลีกแต่ทิศทางการเคลื่อนไหวโดยรวมก็เป็นไปตามตลาดหุ้นในภูมิภาค เพราะตลาดหุ้นในเอเชียเองก็ปรับตัวลงเฉลี่ยประมาณ 1% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐของเดือนม.ค.สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์”
ทั้งนี้ จากการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,650 ลงมา ดังนั้นวันพรุ่งนี้ (16 ก.พ.) อาจปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับต่อไปบริเวณ 1,640 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,657 จุด เนื่องจากปัจจัยเชิงลบชุดเดิม อย่างไรก็ตามหากวันศุกร์ ที่ 17 ก.พ. ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ของประเทศไทยดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ คือ มากกว่า 3.4% อาจเป็นปัจจัยบวกใหม่ที่เข้ามาหนุน Sentiment ของตลาดหุ้นไทยให้กลับมาฟื้นตัวได้
วันพรุ่งนี้แนะนำให้ลงทุนในหน้าหุ้นที่ผลประกอบการไตรมาส 4 ออกมาดี คือ CPALL, KJL, MINT, SHR, TASCO
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์