ดาวโจนส์พลิกบวกในกรอบแคบ 6.92 จุด หลังเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก0.25%

ดาวโจนส์พลิกบวกในกรอบแคบ 6.92 จุด หลังเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก0.25%

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(1ก.พ.)ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.92 ดอลลาร์ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% และคาดหมายว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 6.92 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 34,092.96 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 42.61 จุด หรือ 1.05% ปิดที่ 4,119.21 จุด ดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 231.77 จุด หรือ 2.00% ปิดที่ 11,816.32 จุด

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมในวันพุธ(1ก.พ.) ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2550

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 8 ติดต่อกันนับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565

ขณะเดียวกัน ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค. รวมทั้งจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้

นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.0% ในปีนี้ ต่ำกว่าที่เฟดส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่าจะปรับขึ้นสู่ระดับ 5.1% หรือเทียบเท่ากับช่วงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ย 5.00-5.25%

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50%-4.75% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. และจะปรับขึ้นอีก 0.25% สู่ระดับ 4.75%-5.00% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. ก่อนที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว และคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 28-29 ก.ย. ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้ โดยก่อนหน้านี้เฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในปี 2567

เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีที่แล้วเพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังจากที่รัสเซียประกาศบุกโจมตียูเครนในวันที่ 24 ก.พ.2565 ทำให้สหรัฐและชาติตะวันตกออกมาตรการคว่ำบาตร ส่งผลให้ทั่วโลกเกิดการขาดแคลนพลังงานและอาหารอย่างหนัก และเป็นสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบหลายสิบปี

เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากถึง 7 ครั้งในปีที่แล้ว โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้ง, 0.50% จำนวน 2 ครั้ง และ 0.75% จำนวน 4 ครั้ง ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4.25%