JKN ลั่นคืนทุนธุรกิจ MUO แล้ว ลุยเพิ่มทุน - ดึงพันธมิตรรับเงิน 1.4 พันล้านบาท

JKN ลั่นคืนทุนธุรกิจ MUO แล้ว ลุยเพิ่มทุน - ดึงพันธมิตรรับเงิน 1.4 พันล้านบาท

JKN ลั่นหลังเพิ่มทุน RO และขายหุ้น PP ให้พันธมิตร ฐานะการเงินแข็งแกร่ง หลังมีเงินทุนกว่า 1.4 พันล้าน เผยธุรกิจมิสยูนิเวิร์สคืนทุนแล้ว เนื่องจากมีรายได้เข้ามาจากการรับเป็นเจ้าภาพจากเอลซัลวาดอร์ มูลค่า 1.2 พันล้านบาท จ่อ Spin-off บริษัทย่อยเข้าตลาดหุ้น

นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN เปิดเผยว่า บริษัทปรับแผนเพิ่มทุนใหม่ ด้วยการเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) และบุคคลในวงจำกัดแบบเฉพาะเจาะจง (PP) เพื่อให้มีความเหมาะสม และสอดคล้องทิศทางดำเนินงานของบริษัท และเป็นการปรับโครงสร้างงบดุลเพื่อการเติบโตในอนาคต ซึ่งมั่นใจทำให้ฐานะการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่งมาก  

สำหรับแผนการเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทได้รับเงินเข้ามาราว 1.4 พันล้านบาท แบ่งเป็นเงินเพิ่มทุนจาก RO จำนวน 1.1 พันล้านบาท และจาก PP จำนวน 300 ล้านบาท รวมถึงเป็นการเปิดทางให้ บริษัท ยูนิสเตรทช์ จำกัด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ GP Group ภายใต้การบริหารงานของ “นิชิต้า ชาห์” นักธุรกิจหญิงเชื้อสายอินเดีย และครอบครัวชาห์ ตระกูลใหญ่จากอินเดีย เข้ามาเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ช่วยต่อยอด และดำเนินงานในการขยายธุรกิจในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการบริหารธุรกิจมิสยูนิเวิร์สที่จะมีเครือข่ายธุรกิจของ GP Group เข้ามาเสริมได้ เช่น ธุรกิจเครื่องดื่ม ธุรกิจเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว เป็นต้น ที่จะนำมาผนวกเข้ากับแบรนด์มิสยูนิเวิร์ส

“เชื่อว่าหลังเพิ่มทุนจะทำให้ฐานะการเงินของบริษัทแข็งแกร่ง ซึ่งก็เป็นที่ยืนยัน และแก้ข่าวต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา เราก็ได้มีการวางแผนด้านการเงินของเราเป็นอย่างดี ซึ่งการเพิ่มทุนก็ช่วยให้เรารองรับการเติบโตต่อไปได้ และในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ต้องโดด Dilute ไปด้วย แต่หากได้ทำให้บริษัทแข็งแกร่งขึ้น และมีพันธมิตรที่เป็นระดับ Billionare เข้ามาเสริมต่อการก้าวเป็น Global Brand”

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า JKN สามารถนำเงินมาชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนอย่างแน่นอน โดยมีเงินรองรับไว้แล้ว และยังมีความสามารถออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อนำมาทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมได้ ซึ่ง JKN มีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในไตรมาส 1 ปี 2566 วงเงิน 1.2 พันล้านบาท ซึ่งจะออกหุ้นกู้ชุดใหม่มาทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิม

สำหรับ “ธุรกิจมิสยูนิเวิร์ส” (MUO) หลังจากที่ลงทุนเข้าซื้อกิจการไปเมื่อเดือนต.ค. 2565 ที่ผ่านมา มูลค่า 800 ล้านบาท ถือว่าปัจจุบันมีรายได้เข้ามาหลังจากที่ประกวด Miss Universe ครั้งที่ 71 ที่สหรัฐในช่วงเดือนธ.ค. 65 และใช้เวลาคืนทุนไปเร็วเพียง 3 เดือนเท่านั้น หลังจากนี้จะมีรายได้เข้ามาจากการรับเป็นเจ้าภาพจากเอลซัลวาดอร์ มูลค่า 1.2 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาไตรมาสละ 400 ล้านบาท ยังไม่รวมรายได้ที่จะเข้ามาจากการตอบรับเป็นเจ้าภาพอีก 2 ประเทศที่เตรียมจะปิดดีลในเร็วๆ นี้

ทั้งนี้ บริษัทยังจะทยอยปรับขึ้นค่าแฟรนไชส์มิสยูนิเวิร์สในการจัดประกวดนางงามในแต่ละประเทศเป็น 5 ล้านดอลลาร์ จากเดิม 3 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากในส่วนนี้เข้ามารวมถึงในปีนี้ จะมีการต่อยอดแบรนด์มิสยูนิเวิร์สไปสู่ธุรกิจเครื่องดื่มบิวตี้ดริ้งค์ ที่จะสร้าง "มูลค่าเพิ่ม" ให้กับธุรกิจมิสยูนิเวิร์สเพื่อให้พร้อมจะเข้าไปสู่ตลาดหุ้น NASDAQ ในสหรัฐ

โดย บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ไว้ที่ 3.86 พันล้านบาท สัดส่วนรายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจคอนเทนต์ 50-60% ธุรกิจมิสยูนิเวิร์ส 25-30% และธุรกิจ Commerce 20-25% อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับที่สูงต่อเนื่องที่ราว 40% ควบคู่ไปกับการรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งหลังจากบริษัทเพิ่มทุนในครั้งนี้แล้วเสร็จ D/E จะลดลงมาอยู่ที่ 1.01 เท่า จากปัจจุบันที่ 1.97 เท่า

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในอีก 2 ปีข้างหน้า มีโอกาสที่จะนำบริษัทลูกที่ดำเนินธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่ม Spin off เข้าตลาดหลักทรัพย์ หลังจากมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง และมีกำไรแล้วในปี 2565 ที่ผ่านมา เพื่อให้ธุรกิจสร้างการเติบโตด้วยตัวเอง และลดการลงทุนของบริษัทแม่ 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์