เปิดพอร์ต ‘กฤษน์ ศรีชวาลา’ และครอบครัว เจ้าของอาณาจักร อสังหาฯ หมื่นล้าน

เปิดพอร์ต ‘กฤษน์ ศรีชวาลา’ และครอบครัว เจ้าของอาณาจักร อสังหาฯ หมื่นล้าน

“กฤษน์ ศรีชวาลา” เจ้าของอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่าหมื่นล้านบาท ปัจจุบันเขาและครอบครัวเข้าไปลงทุนด้วยกัน 5 หลักทรัพย์ แบ่งเป็นหุ้น 3 ตัว และ 2 กองทุนอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งครอบครัวมีมูลค่า 420.18 ล้านบาท

“กฤษน์ ศรีชวาลา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟิโก้ กรุ๊ป และ บริษัท ฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หนึ่งในทายาท ตระกูล “ศรีชวาลา” เจ้าของอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่าหมื่นล้านบาท ปัจจุบันเขามีโรงแรมและอาคารสำนักงานย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ มากกว่า 10 แห่ง และยังมีโรงแรมในต่างประเทศอีกกว่า 30 แห่ง 

กรุงเทพธุรกิจ ยังพบว่า กฤษน์ ศรีชวาลา และครอบครัวเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมหลักร้อยล้านบาท (ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ วันที่ 26 มกราคม 2566)

ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า กฤษน์ ศรีชวาลา เป็นผู้ที่ชื่นชอบการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมาก เพราะการลงทุนในตลาดหุ้นส่วนใหญ่ยังคงเน้นไปที่กลุ่มอสังหา ซึ่งปัจจุบันเข้าไปลงทุนด้วยกัน 3 หลักทรัพย์ แบ่งเป็นหุ้น 2 ตัว และ 1 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ รวมมูลค่าพอร์ตการลงทุน 309.69 ล้านบาท

 

เปิดพอร์ต ‘กฤษน์ ศรีชวาลา’ และครอบครัว เจ้าของอาณาจักร อสังหาฯ หมื่นล้าน

 

เปิดพอร์ต ‘กฤษน์ ศรีชวาลา’ และครอบครัว เจ้าของอาณาจักร อสังหาริมทรัพย์ หมื่นล้าน

1.บมจ.เอคิว เอสเตท หรือ AQ ประกอบธุรกิจพัฒนาและค้าอสังหาริมทรัพย์ ทั้งแนวราบและแนวสูง และบริการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์

กฤษน์ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 2 จำนวน 7,880,000,000 หุ้น หรือ 9.24% (ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565) ราคา ณ วันที่ 26 มกราคม 2566 ปิดที่ 0.02 บาทต่อหุ้น รวมมีมูลค่า 157.60 ล้านบาท

เริ่มปรากฎรายชื่อเข้าถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564 จำนวน 6,000,000,000 หุ้น หรือ 7.03%

หุ้น AQ มีมาร์เก็ตแคป 1,873.67 ล้านบาท P/E - เท่า P/BV 0.65 เท่า ราคาสูงสุด / ต่ำสุด ในรอบ 52 สัปดาห์ที่ 0.04 / 0.01 บาท 

 

2.บมจ.ไพร์ม โรด เพาเวอร์ หรือ PRIME ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า จากพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

กฤษน์ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 9 จำนวน 69,854,133 หุ้น หรือ 1.64% (ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 28 มีนาคม 2565) ราคา ณ วันที่ 26 มกราคม 2566 ปิดที่ 1.39 บาทต่อหุ้น รวมมีมูลค่า 97.09 ล้านบาท

เริ่มปรากฎรายชื่อเข้าถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2555 จำนวน 28,322,000 หุ้น หรือ 2.71%

หุ้น PRIME มีมาร์เก็ตแคป 5,913.73 ล้านบาท P/E 343.60 เท่า P/BV 1.87 เท่า ราคาสูงสุด / ต่ำสุด ในรอบ 52 สัปดาห์ที่ 1.93 / 1.30 บาท

 

3.กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เคพีเอ็น หรือ KPNPF นโยบายการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (freehold) ที่ดิน อาคารสำนักงาน และระบบสาธารณูปโภคของอาคารเคพีเอ็น ทาวเวอร์ ประกอบด้วย ที่ดิน 2 ไร่ 2 งาน 14.7 ตารางวา อาคารสำนักงาน สูง 27 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่ใช้สอยรวม 59,839 ตารางเมตรและพื้นที่ให้เช่ารวม 25,978.43 ตารางเมตร

กฤษน์ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 5 จำนวน 11,000,000 หุ้น หรือ 6.11% (ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 8 ธันวาคม 2565) ราคา ณ วันที่ 26 มกราคม 2566 ปิดที่ 5.00 บาทต่อหุ้น รวมมีมูลค่า 55.00 ล้านบาท

เริ่มปรากฎรายชื่อเข้าถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2565 จำนวน 11,000,000 หุ้น หรือ 6.11%

กองทุน KPNPF มีมาร์เก็ตแคป 900.00 ล้านบาท P/E -เท่า P/BV 0.51 เท่า ราคาสูงสุด / ต่ำสุด ในรอบ 52 สัปดาห์ที่ 6.75 / 4.70 บาท อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 4.14%

 

พบคนในครอบครัวศรีชวาลาเข้าลงทุนในตลาดหุ้นดังนี้

1.อัครเดช ศรีชวาลา (พ่อ) ผู้ก่อตั้งและเจ้าของบริษัท เอเวอร์เรส เวิลด์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นแบรนด์หรู อาทิ CHARRIOL, BALLY, ETRO และ VERTU 

ปัจจุบันถือ 1 หลักทรัพย์ 

  • เข้าลงทุนใน หุ้นPRIME ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 10 จำนวน 53,650,300 หุ้น หรือ 1.26% รวมมูลค่า 74.57 ล้านบาท (ถือหลักทรัพย์เดียวกันกับกฤษน์)

เริ่มปรากฎรายชื่อเข้าถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2555 จำนวน 73,250,000 หุ้น หรือ 7.00%

 

2.วินิตา ศรีชวาลา (ภรรยา) 

ปัจจุบันถือ 1 หลักทรัพย์ 

  • บมจ.แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ หรือ GRAND ประกอบธุรกิจโรงแรม ให้เช่าสถานประกอบการศูนย์การค้า และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 

วินิตา ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 8 จำนวน 70,000,000 หุ้น หรือ 0.84% (ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 23 มีนาคม 2565) ราคา ณ วันที่ 26 มกราคม 2566 ปิดที่ 0.22 บาทต่อหุ้น รวมมีมูลค่า 15.40 ล้านบาท

เริ่มปรากฎรายชื่อเข้าถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2562 จำนวน 10,900,000 หุ้น หรือ 0.51%

หุ้น GRAND มีมาร์เก็ตแคป 2,055.05 ล้านบาท P/E - เท่า P/BV 0.52 เท่า ราคาสูงสุด / ต่ำสุด ในรอบ 52 สัปดาห์ที่ 0.31 / 0.18 บาท

 

3.เทพฤทธิ์ ศรีชวาลา (เครือญาติ) หัวเรือใหญ่ แห่ง B&G Park รับหน้าที่บริหารอสังหาฯ มูลค่ากว่าพันล้านบาท และเป็นกรรมการ บริษัท บี แอนด์ จี รีท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ บี แอนด์ จี หรือ BGREIT เพื่อเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าของโครงการอินเตอร์เชนจ 21 ซึ่งมีแผนเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย

ปัจจุบันถือ 1 หลักทรัพย์ 

  • ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ แกรนด์ โฮสพีทาลิตี้ หรือ GAHREIT มีนโยบายลงทุนในกรรมสิทธิ์ที่ดิน อาคาร สิ่งปลูกสร้าง และสังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการดำเนินโครงการโรงแรม เชอราตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา

เทพฤทธิ์ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 9 จำนวน 1,245,400 หุ้น หรือ 0.71% (ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 6 ธันวาคม 2565) ราคา ณ วันที่ 26 มกราคม 2566 ปิดที่ 8.60 บาทต่อหุ้น รวมมีมูลค่า 10.71 ล้านบาท

เริ่มปรากฎรายชื่อเข้าถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2562 จำนวน 1,863,400 หุ้น หรือ 0.83%

กองทุน GAHREIT มีมาร์เก็ตแคป 1,509.30 ล้านบาท P/E -เท่า P/BV 0.81 เท่า ราคาสูงสุด / ต่ำสุด ในรอบ 52 สัปดาห์ที่ 9.00 / 7.25 บาท อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 6.98%

 

4.พรเทพ ศรีชวาลา (เครือญาติ)

ปัจจุบันถือ 1 หลักทรัพย์ 

  • ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ แกรนด์ โฮสพีทาลิตี้ หรือ GAHREIT

พรเทพ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 10 จำนวน 1,141,000 หุ้น หรือ 0.65% (ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 6 ธันวาคม 2565) ราคา ณ วันที่ 26 มกราคม 2566 ปิดที่ 8.60 บาทต่อหุ้น รวมมีมูลค่า 9.81 ล้านบาท

เริ่มปรากฎรายชื่อเข้าถือหุ้นใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2565 จำนวน 1,141,000 หุ้น หรือ 0.65%

รวมทั้งครอบครัวมีมูลค่า 420.18 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า กลุ่มตระกูลศรีชวาลา หรือ "ฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น" ภายใต้อาณาจักร “กฤษน์ ศรีชวาลา นอกจากจะมี ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อย่างโรงแรม อาคารสำนักงาน ที่โดดเด่นแล้ว ยังพบว่าการลงทุนในหุ้นก็ยังเลือกที่จะเข้าไปลงทุนอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย นอกจากนี้ ฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น ยังมีกลุ่มธุรกิจสิ่งทอ แฟชั่น มีเดียและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ไปจนถึงธุรกิจร้านอาหาร อาทิ โดมิโน พิซซ่า เคียวโชน เดอะคอฟฟี่บีนแอนด์ทีลีฟ ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม ตระกูล “ศรีชวาลา” เชื้อสายอินเดียที่มาตั้งรกรากในไทยตั้งแต่รุ่นทวดนั้น เริ่มต้นจากการขายผ้า สู่ธุรกิจสิ่งทอ จนกระทั่งปัจจุบันลูกหลานใน “ตระกูลศรีชวาลา” ต่างแยกย้ายแตกไลน์สร้างอาณาจักรเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแฟชั่น ทั้งนำเข้ามาในประเทศและสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง ร้านอาหาร ขณะเดียวกันก็ยังสนามกอล์ฟ อสังหาริมทรัพย์ฯ และยังมีธุรกิจอื่น ๆ อีกมากมาย  ฉะนั้นเป็นที่น่าจับว่า ธุรกิจของตระกูล “ศรีชวาลา” จะเติบโตไปได้ไกลแค่ไหนท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นทุกวันในทุกเกือบอุตสาหกรรมที่มีอยู่ในมือ